Uncategorized » เสียงสะท้อนคนเบตงค่าไฟขยับก.ย.ยิ่งเติมทุกข์ชาวบ้านยุคศก.ย่ำแย่

เสียงสะท้อนคนเบตงค่าไฟขยับก.ย.ยิ่งเติมทุกข์ชาวบ้านยุคศก.ย่ำแย่

23 กรกฎาคม 2024
228   0

ยะลา – ร้านซักผ้า หยดเหรียญ ร้านกาแฟ เมืองเบตง โอดค่าไฟจ่อขึ้นเดือน ก.ย.กระทบหนัก ยิ่งซ้ำเติมผู้ประกอบการ ประชาชน ที่เดือดร้อนจากเศรษฐกิจย่ำแย่อยู่แล้ว

จากกรณีที่ค่าไฟฟ้าที่จะมีการเรียกเก็บงวดเดือนกันยายน-ธันวาคมนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.65-6.01 บาทต่อหน่วยนั้น จากการลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นจากร้านซักผ้าตู้หยอดเหรียญและร้านกาแฟในตัวเมืองเบตง ที่ใช้ไฟฟ้าต่อเดือนหลายหน่วยนั้นต่างวิตกกังวลต่อภาระค่าใช้จ่ายของค่าไฟฟ้าที่จะปรับสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อค่าครองชีพ รายจ่ายในครัวเรือน รวมถึงต้นทุนการทำมาหากินของผู้ประกอบอาชีพในทุกรูปแบบ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยอยู่ในขณะนี้

ที่ร้านกาแฟ โกปี้ดี คาเฟ่ ในเขตเทศบาลเมืองเบตง นายอับดุลซารีฟ จามาลี ผู้จัดการร้านกาแฟ เปิดเผยว่า หากมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจริงๆก็เห็นใจบางคนที่มีค่าครองชีพน้อยและเป็นเสาหลักของครอบครัวมีภาระต้องใช้จ่ายในครอบครัว จึงอยากให้ทางรัฐบาลเห็นใจอย่าปรับขึ้นค่าไฟฟ้า เพราะหากเป็นคนที่ไม่ใช่เสาหลักของครอบครัวก็คงอยู่ได้เพราะอำเภอเบตงเป็นอำเภอเล็กๆคงอยู่ได้สำหรับคนที่ไม่ใช่เสาหลักของครอบครัวที่ไม่มีภาระ

ส่วนการเปิดแอร์ที่ร้านจะเปิดเป็นช่วงเวลาเพื่อเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าโดยช่วงเช้าจะเปิดแอร์เพียง1ตัวก่อนและเวลา 11.00 น.ก็จะเปิดแอร์อีก 1 ตัวเป็น 2 ตัวจนถังช่วง18.00 น.ก็จะเปิดเพียง 1 ตัว เฉลี่ยค่าไฟฟ้าต่อเดือนอยู่ที่ 6,000 – 7,000 บาทต่อเดือน จึงอยากให้รัฐบาลเห็นใจกับเศรษฐกิจแบบนี้เหมือนเป็นการซ้ำเติมประชาชน

ด้านนายอาทิตย์ แสงแก้ว อายุ 67 ปี เจ้าของร้าน อีส ลอน-ดริ สาขาเบตง ให้บริการซักผ้าตู้หยอดเหรียญ 24 ชั่วโมง ในเขตเทศบาลเมืองเบตง กล่าวว่า ผมคิดว่าเป็นภาระของประชาชนที่ต้องรับผิดชอบซึ่งไม่น่าจะเป็นในทางที่ดีคือทุกอย่างสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนปัจจุบันก็หนักอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ขึ้นให้พออยู่ได้ในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้ก็น่าจะดีกว่า ซึ่งอยากรู้ว่าทำไมถึงต้องขึ้นค่าไฟฟ้า หากผมพูดว่า”รวยไม่พอหรือ”ฟังดูก็จะเป็นคำหยาบหรือเป็นคำกะแนะกะแหน ไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่กะแนะกะแหน แต่สิ่งที่ทำคิดดูว่าในประเทศไทยเราใช้ไฟฟ้าทุกครัวเรือนหากเพิ่มค่าไฟฟ้าไปขนาดนี้มันเป็นการโยนภาระให้กับทุกครัวเรือน เมื่อโยนให้กับครัวเรือนขอถามว่ารายได้ของประชาชนอยู่ในขั้นวิกฤตหรือไม่

นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า ผมคิดว่าถ้าเป็นอย่างนี้ผมถือว่าไม่โอเคสำหรับค่าครองชีพของแต่ละคน เช่นคนงานก่อสร้าง คนหาเช้ากินค่ำ ก็ยังใช้ค่าไฟฟ้าเท่ากับคนรวย อย่างน้ำมัน ไฟฟ้า หากปรับราคาขึ้นกันหมดถามว่าประชาชนจะอยู่กันยังไง รัฐบาลได้ตระหนักตรงนี้บ้างหรือไม่ ไม่ใช่ว่าทางไฟฟ้าจะปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเสร็จแล้วโยนภาระมาให้ประชาชนตรงนี้ผมคิดว่าไม่ถูกและไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเลย ทำอย่างไรก็ได้ให้ประชาชนอยู่ได้ รัฐบาลอยู่ได้ อย่างให้ผลกระทบต่อประชาชนมากไป ใน 1 วันกี่ครัวเรือนในประเทศขึ้นไป 1 บาทกว่าต่อวันต่อหน่วยที่ปรับราคาขึ้นมันเงินนับล้านๆบาท ปกติค่าไฟฟ้าจ่ายเดือนละ 4,000 – 8,000บาท มันขึ้นอยู่กับลูกค้าที่มาใช้เครื่องซักผ้าว่ามากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน

ส่วนจะปรับราคาค่าซักผ้าคงไม่ปรับขึ้นเพราะสงสารลูกค้า ซึ่งอาจจะทำรายได้ลดลง แต่จะทำยังไงเมื่อลูกค้าอยู่ได้ ร้านเราก็ต้องอยู่ได้ เป็นปัญหาอยู่ ซึ่งปัจจุบันผมก็ยังเป็นหนี้อยู่เหมือนกัน ปกติแล้วร้านซักผ้าหยอดเหรียญของตนใช้ไฟฟ้าเป็นส่วนสำคัญ ทั้งเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า เครื่องปั๊มน้ำ ปัจจุบันจ่ายค่าไฟเฉลี่ยเดือนละ 5,000 กว่าบาท ทุกวันนี้ประชาชนต่างพยายามประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ กันทุกทางแล้ว อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายของน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม ดังนั้น หากมีการปรับค่าไฟเพิ่มขึ้นอีกในเดือนกันยายนนี้จะกระทบแน่นอน

จึงอยากให้รัฐบาลช่วยชะลอการขึ้นค่าไฟออกไปก่อน เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดีเลย ลูกค้าลดน้อยกว่าแต่ก่อนมาก ทำให้รายได้ของร้านลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และอีกไม่นานค่าขนส่ง ค่าสินค้า จะขึ้นตาม ซึ่งปัจจุบันประชาชนเดือดร้อนมากอยู่แล้ว เศรษฐกิจก็ไม่ดี ร้านค้าขายของไม่ได้ ความเดือดร้อนไปทุกวงการ สุดท้ายฝากถึงรัฐบาลทำอย่างไรก็ได้อย่าให้ประชาชนเดือดร้อน เน้นอย่าขึ้นไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด นายอาทิตย์ ทิ้งท้าย

โดย…เจษฎา สิริโยทัย จ.ยะลา