ข่าวเด่น » กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯเปิดงานตรุษจีนเยาวราช “ปีมะเส็งมหามงคล อุดมโชคลาภ”

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯเปิดงานตรุษจีนเยาวราช “ปีมะเส็งมหามงคล อุดมโชคลาภ”

29 มกราคม 2025
31   0

กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทรงเปิดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ปี 2568

เมื่อวันที่ 29 ม.ค.2568 เวลา 16.53 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทรงเปิดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช ปี 2568 ซึ่งปีนี้กรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ ร่วมกับ ชาวไทยเชื้อสายจีน ภาคเอกชน และ TCC GROUP (กลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น) จัดงานขึ้นภายใต้ชื่อ “ปีมะเส็งมหามงคล อุดมโชคลาภ” ณ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

นอกจากนี้ ทรงพระราชทานพระพรปีมะเส็งงูเล็ก ให้แก่พี่น้องคนไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนในประเทศไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล ด้วยลายพระราชหัตถเลขาภาษาจีน “蛇年步步 高” อ่านว่า “เฉือเหนียนปู้ปู้เกา” แปลว่า “ปีมะเส็ง (งูเล็ก) ชีวิตก้าวสูงขึ้นทุกที” ในการนี้ ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน พระธิดาคนเล็กในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โดยเสด็จฯ ด้วย


ครั้นเมื่อเสด็จฯ ถึงวัดไตรมิตรวิทยาราม ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธสัมฤทธิ์มหาจักรพรรดิ ทรงคม เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระประธาน ทรงคม เสด็จออกพระอุโบสถไปยังที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงคม จากนั้นทรงติดธนบัตรที่องค์ผ้าป่าทรัพย์ระย้า และเสด็จเข้าพระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ทรงวางผ้าไตรถวายพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ทรงคม ทรงติดธนบัตรที่ต้นบายศรี ทรงพระสุหร่าย ทรงโปรยดอกไม้ที่องค์พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (จำลอง) เพื่อประดิษฐาน ณ วัดร้างที่จะยกขึ้นเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติฯ ขณะนี้พระสงฆ์ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประเคนผ้าไตรแด่พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม และสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ถวายของที่ระลึก ต่อมาประทับรถรางไปยังซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการจัดงานฯ พร้อมด้วยประชาชนชาวไทยและชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวนมาก ที่ต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดงมาเฝ้าฯ รับเสด็จ และพร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

เมื่อประทับพระราชอาส์นในพลับพลาพิธี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กราบบังคมทูลรายงาน นายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กราบบังคมทูลถวายพระพร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทอดพระเนตรการแสดงชุด “การสืบทอดของความรัก” จากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และการแสดงชุด “ประสบสุขสราญรมย์สัมพันธ์ไทยจีน จากประเทศไทย” โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

จากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงวางแผ่นป้ายหยินเปิดงานตรุษจีนเยาวราช ปี 2568 และพระราชทานซองอั่งเปาให้คณะสิงโต ก่อนเสด็จฯ ไปประทับรถรางไปยังโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระอวโลกิเตศวร (กวนอิม) ทรงคม ผู้แทนคณะกรรมการฯ ทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึก โดยนายสมัย กวักเพฑูรณ์ ประธานกรรมการโรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ ผู้แทนคณะกรรมการทูลเกล้าฯ ถวายเงินและทูลเกล้าฯ ถวายช้างทองคำ จำนวน 2 ตัว โดยเป็นตัวเล็กกับตัวใหญ่ ซึ่งช้างเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติไทย


โอกาสนี้ ทรงเยี่ยมชมบูธร้านค้าต่างๆ อาทิ ร้านภูฟ้า, ร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา, มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า, มูลนิธิมหาจักรีสิรินธร เพื่อคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ, มูลนิธิรามาธิบดี และฝ่ายวัฒนธรรมสถานทูตจีน การนี้ ได้พระราชทานซองอั่งเปาให้แก่นายพินิจ กาญจนชูศักดิ์ เพื่อมอบแก่สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตสัมพันธวงศ์ ก่อนเสด็จฯ ไปยังไชน่าทาวน์มาร์เก็ต เฉลิมบุรี ทอดพระเนตรนิทรรศการฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน และฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับนายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และคณะกรรมการจัดงานฯ

โอกาสนี้ทรงผัด “โหงวก้วย” ผลไม้มงคล พระราชทาน เป็นหนึ่งในเมนูอาหารมงคลของคนจีน ที่เชื่อกันมาแต่โบราณว่าจะช่วยให้ชีวิตโชคดี เจอแต่เรื่องดีๆ สิ่งดีๆ คำว่า “โหงวก้วย” มาจากภาษาจีน 2 คำคือ “โหงว” ที่แปลว่าห้า กับ “ก้วย” ที่แปลว่า เมล็ดผลไม้ รวมกันจึงมีความหมายว่า เมล็ดผลไม้ 5 อย่าง หรือ ธัญพืช 5 อย่างนั่นเอง

สำหรับ “ไชน่าทาวน์มาร์เก็ต เฉลิมบุรี” เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางเยาวราช อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของ “ซุ้มประตูวชิรธำรง 72 พรรษา” หนึ่งในซุ้มประตูที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสครบรอบ 72 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ตั้งอยู่บริเวณห้าแยกหมอมี ที่จัดสร้างขึ้นพร้อมกันกับ “ซุ้มประตูวชิรสถิต 72 พรรษา” ที่ตั้งอยู่บริเวณสะพานดำรงสถิตใกล้เคียงกับเยาวราช โดยตั้งแต่วันนี้ถึง 15 เม.ย. นี้ ได้จัด “นิทรรศการฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน” ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยและจีน ที่มีมาอย่างยาวนาน ที่ได้ร่วมกันส่งเสริม และสืบสานวัฒนธรรมอันเป็นประเพณีดีงามที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล สู่อนุชนคนรุ่นหลัง นอกจากนี้ “ไชน่าทาวน์มาร์เก็ต เฉลิมบุรี” ยังเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ ที่นำเสนออาหารคาว-หวาน และการแสดงทางวัฒนธรรม โดยรายได้หักค่าใช้จ่ายมอบให้แก่โรงพยาบาลเทียนฟ้ามูลนิธิ เพื่อสนับสนุนงานสาธารณกุศลต่าง ๆ

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ประทับรถรางไปทอดพระเนตรร้านยาจีนเซี้ยงเฮงฮั่วกี่ และธนาคารกสิกรไทย สาขาเยาวราช และเสด็จฯ ประทับรถรางไปยังวัดมังกรกมลาวาส โดยมี พระอาจารย์จีนคณาณัติจีนพรต เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส และคณะกรรมการ เฝ้าฯ รับเสด็จ

จากนั้น ทรงวางพวงมาลัยสักการะพระศรีอริยเมตไตรยโพธิสัตว์ และท้าวจตุโลกบาล ทรงคม เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธปฏิมาตรีกาย พระประธานอุโบสถ ทรงคม ประทับพระราชอาสน์ ทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดเยี่ยม พระสงฆ์จีนนิกายถวายพระพรชัยมงคล เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส ถวายของที่ระลึก เสด็จฯ ไปยังวิหารเทพ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาเทพคุ้มครองชะตาชีวิต (ไท่ส่วยเอี๊ย) เทพเจ้าไภษัชยราช และเทวแพทย์ฮัวโต๋ (ฮั่วท้อ) ทรงนำใบเทียบฝากดวงพระชะตา ปัดพระองค์ 13 ครั้ง ทรงคม

ในการนี้ ทรงถวายพวงมาลัยและทรงสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดที่พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์, วิหารปฐมบูรพาจารย์ (สกเห็งโจวซือ), วิหารสังฆปริณายกองค์ที่ 6 แห่งจีนนิกายณาน ประเทศจีนสมัยราชวงศ์ถัง (ฮุยเล้งโจวซือ) และวิหารเทพเจ้ากวนอู แล้วเสด็จฯ กลับ