หมอขอนแก่น ถามรัฐบาลนำกัญชากลับเป็นยาเสพติดจริง ผู้ป่วยนับล้านคนสุ่มเสียงเสียชีวิตใครจะรับผิดชอบ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ก.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ที่สาขาวิชาเวชศาสตร์ชุมชน เวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เพื่อพูดคุยสอบถามกับนักวิชาการในพื้นที่ หลังรัฐบาลเตรียมนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง
รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ หน่วยเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มข. กล่าวว่า เราต้องพยายามพูดคุยผลักดันไม่ให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด และตามด้วย การผลักดันให้ออกเป็น พรบ. กัญชา กัญชง มาควบคุมโดยเฉพาะ เพราะจะมีมาตราต่างๆที่จะออกแบบป้องกันผลเสียและส่งเสริมผลดี โดยเฉพาะข้อดีของกัญชา ตามหลักวิชาการและทางการแพทย์ เพราะกฎหมายยาเสพติดไม่ได้พูดถึงจึงไม่มีกลไกใดๆมากำกับควบคุม เน้นแต่ปราบอย่างเดียวจับอย่างเดียวและมีแต่ห้าม
“ถ้าหากนำกัญชากลับเข้าไปสู่ยาเสพติดเหมือนเดิมแนวทางของเครือข่ายก็คือคงต้องไปฟ้องศาลปกครอง เพราะว่ามีผู้เสียหายจากการประกาศของรัฐบาล ทั้งคนป่วยคอยรักษา และผู้ประกอบธุรกิจที่ลงทุนไปหลายล้าน อีกทั้งในปัจจุบันพบว่ามีคนใช้กัญชาทางการแพทย์ประมาณ 3 ล้านคนจากทั่วประเทศ มีการกัญชามาประกอบอาหารเครื่องดื่มประมาณ 10 ล้านคน นำมาทำเป็นยารักษาโรคประมาณ 5 ล้านคน คนปลูกประมาณ 3 ล้านคน คนทำธุรกิจปลูกประมาณ 2 แสนคน ซึ่งถ้านำกลับไปเป็นยาเสพติดแน่นอนว่ากฎหมายของยาเสพติดทุกอย่างต้องขออนุญาต ชาวบ้านก็จะไม่รู้ว่าต้องขออนุญาต ทั้งยังคงมีขั้นตอนการขออนุญาตต่างๆที่อาจจะวุ่นวายและซับซ้อนอาจจะไม่ได้รับอนุญาตด้วย”
รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า หมอจำนวนมากอาจจะยังมีอคติกับกัญชาไม่จ่ายยากัญชาให้คนไข้หรือมีขั้นตอนยุ่งยากในการจ่ายยา ทำให้คนไข้เข้าถึงยากัญชาได้ยาก คนไข้บางรายจึงต้องไปหามาปลูกเองใช้เอง เพราะไม่มีทางเลือกต้องมีการแอบปลูกหรือหาจากที่ต่างๆ ซึ่งภายใต้กฎหมายยาเสพติดจะยิ่งเคร่งครัดถ้าคนไข้อยากจะใช้อาจจะไม่มีให้ใช้ คนไข้เหล่านั้นก็ต้องเสียชีวิตไปโดยไม่สมควร ถือเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ถือเป็นการขัดขวางการเข้าถึงยาจากธรรมชาติ เพราะได้ผลที่พิสูจน์แล้วจากงานวิจัยทั้งในไทยและต่างประเทศ
ดังนั้นการเอากฎหมายยาเสพติดมาใช้กับกัญชาจึงไม่เหมาะสม ดังนั้นการที่รัฐบาลจะนำกลับไปเป็นยาเสพติดเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่มีความชัดเจน เพราะการที่คนไข้หลายคนจะต้องเสียชีวิตใครจะเป็นคนรับผิดชอบ