ข่าวเด่น » ชาวนครศรีฯ ปลื้ม !!! กระทรวงทรัพย์ ฯ มอบสมุดประจำตัวที่ดินทำกินกว่า 37,334 ไร่

ชาวนครศรีฯ ปลื้ม !!! กระทรวงทรัพย์ ฯ มอบสมุดประจำตัวที่ดินทำกินกว่า 37,334 ไร่

12 กรกฎาคม 2024
275   0

ชาวนครศรีฯ ปลื้ม !!! กระทรวงทรัพย์ ฯ มอบสมุดประจำตัวที่ดินทำกินกว่า 37,334 ไร่ ให้แก่ชาวบ้านกว่า 1,972 ราย นำร่อง 3 อำเภอ ช่วยส่งเสริมอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น พร้อมขยายผลทั่วประเทศ

วันนี้ (12 ก.ค. 67) นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ท้องที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 37,334 ไร่ ให้แก่ราษฎรจำนวน 1,972 ราย ณ โรงเรียนรีสอร์ทอนุบาลทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช

นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัด ทส. กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติฯ โดยมอบให้กรมป่าไม้เร่งดำเนินการในการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีพื้นที่ทำกินอย่างถูกต้องภายใต้

ข้อกฎหมายกำหนด สำหรับการมอบสมุดประจำตัวเพื่อแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกิน ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้แก่ราษฎร จำนวน 1,972 ราย พื้นที่จำนวน 37,334 ไร่ ในท้องที่อำเภอนำร่อง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งสง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอบางขัน ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 สำหรับพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในอำเภออื่นๆ ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก็จะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยทำกิน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ควบคู่การส่งเสริมอาชีพ และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ด้านนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า กรมป่าไม้ได้ดำเนินการภายใต้นโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่จะแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนได้อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่เป้าหมายที่จะต้องดำเนินการทั้งสิ้น 346,290 ไร่ แบ่งพื้นที่ได้ 4 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ลุ่มน้ำชั้นที่ 3, 4 และ 5 ที่มีราษฎรถือครองทำกินมาก่อนปี พ.ศ 2545 มีพื้นที่ดำเนินการ 66,160 ไร่ กรมป่าไม้โดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้อนุญาตให้จังหวัดนครศรีธรรมราชนำพื้นที่ไปดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนแล้ว 18,286 ไร่ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)สำหรับกลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 4 ดำเนินการโดยกรมป่าไม้ มีรายละเอียดดังนี้

กลุ่มที่ 2 ลุ่มน้ำชั้นที่ 3, 4 และ 5 ที่มีราษฎรอยู่อาศัยทำกินระหว่างปี พ.ศ. 2545 ถึงปี พ.ศ. 2557 มีพื้นที่ดำเนินการ 35,006 ไร่ ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลราษฎรผู้ถือครองที่ดินและผังแปลงที่ดิน เพื่ออนุญาตให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำพื้นที่ไปดำเนินการจัดที่ดินให้แก่ราษฎร

กลุ่มที่ 3 ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ที่มีราษฎรอยู่อาศัยทำกินมาก่อนปี พ.ศ. 2545 และกลุ่มที่ 4 ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 ที่มีราษฎรอยู่อาศัยทำกินระหว่างปี พ.ศ. 2545 ถึงปี พ.ศ. 2557 โดยมีพื้นที่ดำเนินการ 245,124 ไร่ และเร่งดำเนินการตามขั้นตอนในการอนุญาตให้ราษฎรได้อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติได้อย่างถูกต้องโดยเร็ว โดยได้มอบอำนาจให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้สามารถอนุมัติโครงการตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติพ.ศ. 2507 สั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการจัดระเบียบการใช้ที่ดิน และรับรองการอยู่อาศัยทำกินแบบแปลงรวมให้แก่ราษฎร

นอกจากนี้ การมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกิน ให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่กลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 4 ที่ได้อยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 และ 2 โดยสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 (นครศรีธรรมราช) ได้อนุมัติโครงการแล้ว จำนวน 37,334 ไร่ จำนวน 1,972 ราย ในท้องที่อำเภอนำร่อง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอทุ่งสง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอบางขัน ให้กับพี่น้องประชาชน ถือเป็นครั้งแรก ของประเทศที่มีการมอบสมุดประจำตัวให้แก่ราษฎรในพื้นที่ลุ่มน้ำ ชั้นที่ 1 และ 2 ซึ่งในอนาคตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถเข้าไปส่งเสริมพัฒนาอาชีพและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป

“ขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ขอให้ท่านช่วยกันป้องกันรักษาป่าที่เหลืออยู่อย่าให้มีการบุกรุก ทำลายป่าเพิ่มเติม ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อท่านจะได้อยู่ร่วมกันกับป่าได้อย่างยั่งยืนอยู่ดีกินดีสืบไป” นายสุรชัย กล่าว