กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุม นำโดย พ.ต.อ. ภานุภัท กิตติพันธ์ ผกก.1 บก.ปอท., พ.ต.ท.ภัททสักก์ ธนสุกาญจน์, พ.ต.ท.เอกพล แสงอรุณ รอง ผกก.1 บก.ปอท., พ.ต.ท.ปิยเดช แก้วแฝก, พ.ต.ท.อารัติ พายทอง, พ.ต.ท.เอกคณิต เนตรทอง, พ.ต.ท.พรเสกข์ เชาวสันต์, พ.ต.ต.หญิง หทัยชนก อินทรวิจิตร, พ.ต.ต.เริงศักดิ์ อุปลา สว.กก.1 บก.ปอท., ร.ต.อ.ดุสิต ยอดหวิด, ร.ต.อ.ทัศพงษ์ ผ่องใส, ร.ต.อ.กษิดิศ ดิลกคุณานันท์ ,ร.ต.อ.ณัฐวัฒน์ ตาแว่น, ร.ต.อ.ปฏิญญา สงวนศักดิ์เกสร, ร.ต.ท.นันทนคร บุรี รอง สว.กก.1 บก.ปอท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา กลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ ไฮบริดสแกม (Hybrid Scam) ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คนที่ดูแลเรื่องฟอกเงิน และ คนรับจ้างเปิดบัญชีม้า โดยเข้าตรวจค้นเป้าหมาย 13 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร เชียงราย ระยอง ภูเก็ต จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 13 ราย ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ใด้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าถูกกลุ่มมิจฉาชีพหลอกลวงให้ลงทุน โดยมีการโพสต์ข้อความสาธารณะลักษณะชักชวนให้เข้าไปลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล (Cryptocurrency) ผ่านเว็บไซต์ชื่อ Tidex ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ปลอมขึ้นมาทั้งหมด (มีความคล้ายกับแอปพลิเคชันเทรดเหรียญดิจิทัลของจริงที่ชื่อว่า Tidex) โดยเสนอให้ผลตอบแทนสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปลงทุน โดยผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของกลุ่มคนร้าย จำนวน 17 ครั้ง รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 22.4 ล้านบาท ต่อมาพบว่าไม่มีการลงทุนจริง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. จึงได้ประสานข้อมูลการรับแจ้งมายังศูนย์ AOC พบว่ามีผู้เสียหายหลงเชื่อและทำการโอนเงินเพื่อลงทุนตามประกาศโฆษณาในเพจดังกล่าว และได้รับความเสียหายหลายราย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าปัจจุบันเว็บไซต์ปลอมได้ปิดเว็บไซต์ไปแล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอท. ร่วมกับ อสส. และ ปปง. ทำการสืบสวนเส้นทางการเงิน และเส้นทางของเหรียญดิจิทัล จนทราบตัวผู้กระทำความผิด จึงเปิดปฎิบัติการ “Lock Star รวบนักธุรกิจเบื้องหลังเครือข่าย Call Center” สามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเครือข่ายหลอกลงทุนออนไลน์ ไฮบริดสแกม (Hybrid Scam) ตั้งแต่ระดับหัวหน้าเครือข่ายที่มีหน้าที่ควบคุมสั่งการศูนย์ปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และคนที่ดูแลเรื่องฟอกเงิน เป็นชาวจีนและชาวไทย จำนวน 6 ราย และสามารถตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ เป็นของมีค่าจำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
จากการขยายผลตรวจสอบข้อมูลพบบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายพบผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการ โดยสามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการเป็นชาวต่างชาติและชาวไทย ซึ่งเป็นกลุ่มระดับสั่งการ, ผู้บริหารดูแลเรื่องฟอกเงิน รับผลประโยชน์ และ คนรับจ้างเปิดบัญชีม้า สรุปแล้วรวมทั้งสอง season สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งสิ้นจำนวน 19 ราย ประกอบด้วยชาวจีน 3 ราย ชาวเวียดนาม 1 ราย ชาวสิงคโปร์ 1 ราย และชาวไทย 14 ราย จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุม ตรวจยึดทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบ เป็นของมีค่าจำนวนหลายรายการ อาทิเช่น บ้านหรู จำนวน 1 หลัง มูลค่ากว่า 7 ล้านบาท, รถยนต์ จำนวน 2 คัน มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท, โฉนดที่ดิน จำนวน 4 ใบ มูลค่ากว่า 9 แสนบาท และ หุ้น ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 10,000 หุ้น มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท รวมมูลทรัพย์สินทั้งหมดค่ากว่า 14 ล้านบาท