คณะอุบาสก อุบาสิกา และตัวแทนชาวบ้านสะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้รวมตัวถือป้ายที่บริเวณหน้าศาลาหอฉัน ภายในวัดศาลาลอย ต.สะแกซำ เพื่อประท้วงขับไล่เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย โดยอ้างว่า เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันมีพฤติกรรมลุแก่อำนาจ กลั่นแกล้งพระลูกวัดที่ไม่ยอมเข้าข้าง ทำให้ทั้งพระและโยมแยกแตกกัน ล่าสุดเมื่อต้นเดือน เม.ย.2567 ที่ผ่านมา ได้ตัดมิเตอร์ไฟที่ต่อพ่วงไปใช้กุฏิและศาลาหอฉัน โรงครัว ทำให้พระ 12 รูป รวมถึงชาวบ้านที่ไปทำบุญ หรือกิจกรรมทางศาสนาในวัดเดือดร้อนไม่มีไฟฟ้าใช้นานกว่า 20 วัน จนญาติโยมต้องลงขันกันบริจาคเงินติดตั้งโซล่าเซล เพื่อให้พระทั้ง 12 รูป รวมถึงชาวบ้านที่ไปทำบุญหรือกิจกรรมทางศาสนาภายในวัดได้มีไฟใช้
ทั้งนี้ ตัวแทนชาวบ้านที่มาประท้วงขับไล่เจ้าอาวาสยังได้นำคลิปที่อ้างว่า เป็นพฤติกรมของเจ้าอาวาสมาที่ยืนโต้เถียงกับพระลูกวัดที่ไม่ยอมเข้าข้างออกมาร้องเรียนด้วย
นางสมิต ไชยยอดน้อย ตัวแทนชาวบ้านบ้านสะแกซำ บอกว่า หลังจากเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันดำรงตำแหน่งมาประมาณ 2 ปี ก็มีพฤติกรรมลุแก่อำนาจกลั่นแกล้งพระลูกวัดที่ไม่ยอมเข้าข้าง เพื่อกดดันให้ออกจากวัด ล่าสุดถึงขั้นตัดไฟที่ต่อไปยังกุฏิ และศาลาหอฉันเดือดร้อนไม่มีไฟฟ้าใช้กว่า 20 วัน หลังจากที่มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปนี้ตำรงตำแหน่ง ทั้งพระและโยมก็แตกแยกกัน เวลามาทำบุญก็ทำบุญคนละฝั่ง จึงอยากให้ทางพระผู้ใหญ่ หรือมูลนิธิกองทัพธรรม เข้ามาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในวัดด้วย ก่อนที่จะเกิดปัญหารุนแรงบานปลายไปมากกว่านี้
ด้านพระเชษ อินทวันโณ หนึ่งในพระลูกวัด บอกว่า จริงๆ มีปัญหาภายในวัดมาประมาณ 7 ปีแล้วตั้งแต่ที่เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันเป็นพระลูกวัด กระทั่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส พระลูกวัดและชาวบ้านบางส่วนได้ร้องคัดค้านการแต่งตั้งพระรูปนี้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว เพราะเกรงจะเกิดปัญหาแต่ก็ไม่เป็นผล กระทั่งมีการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสก็ลุแก่อำนาจกลั่นแกล้งพระลูกวัดที่ไม่ยอมเห็นด้วย หรือเข้าข้างสารพัด เพื่อกดดันให้ออกจากวัด ถึงขั้นมีการตัดมิเตอร์ไฟที่ต่อพ่วงมาให้พระใช้ออก จนญาติโยมสงสารมาติดตั้งโซล่าเซลให้ใช้ ก็อยากให้ทางพระผู้ใหญ่ได้พิจารณาแต่งตั้งพระองค์อื่นจากวัดไหนก็ได้มาเป็นเจ้าอาวาสแทน เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในวัด
ทั้งนี้ เมื่อทีมข่าวได้เดินทางไปตามหาเจ้าอาวาสแต่พระฝั่งที่อยู่กับเจ้าอาวาส บอกว่า เจ้าอาวาสไม่อยู่ไปกิจนิมนต์ ส่วนพระก็ไม่สะดวกจะให้ข้อมูลแทนได้ และเมื่อเดินทางไปสอบถามเจ้าคณะตำบลท่านบอกว่าไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลใดๆ
นายชุ่ม พรหมภักดิ์ หนึ่งในคณะกรรมการวัด ยอมรับว่า ภายในวัดมีปัญหาความขัดแย้งมานานหลายปีแล้ว ส่วนกรณีที่พระและชาวบ้านบางส่วนร้องว่าท่านเจ้าอาวาสตัดไฟ ความจริงเจ้าอาวาสไม่ได้ตัด หม้อที่เขาร้องว่าตัดไฟเป็นหม้อพ่วงซึ่งการไฟฟ้ามาติดให้เพื่อลดปัญหาทะเลาะกัน แต่ตนซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการวัดที่ร่วมดูแล เป็นคนตัดเอง เพราะฝั่งพระและชาวบ้านที่ออกมาร้องเรียนใช้ไฟเยอะเฉลี่ยเดือนละ 3 พันบาท แล้วค้างค่าไฟ 2 เดือน ตนกำลังจะตรวจดูว่าทำไมค่าไฟแพงแต่ตัวแทนชาวบ้านที่ออกมาร้อง มาด่าตนเองประกอบกับทางวัดไม่มีเงินจ่าย จึงจำเป็นต้องตัด เพราะแต่ละเดือนต้องจ่ายค่าไฟ 6 – 8 พันบาท ส่วนตัวแทนชาวบ้านที่ออกมาร้องเรียนชอบทำตัวเป็นใหญ่ในวัด
ข่าว/ภาพ : สุรชัย พิรักษา ผู้สื่อข่าวจังหวัดบุรีรัมย์