ข่าวเด่น » เมืองคอนวิกฤต น้ำท่วมหนัก 21 อำเภอ สังเวยชีวิตแล้ว 4 ศพ เดือดร้อนหนัก

เมืองคอนวิกฤต น้ำท่วมหนัก 21 อำเภอ สังเวยชีวิตแล้ว 4 ศพ เดือดร้อนหนัก

16 ธันวาคม 2024
20   0

สถานการณ์อุทกภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้าสู่ภาวะวิกฤติ หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง ขยายเข้าย่านเศรษฐกิจทั่วเมือง ถนนหลายสายถูกตัดขาด ขณะฝรั่งชาวออสเตรเลีย ขับรถไม่ชำนาญพุ่งลงริมถนนที่น้ำท่วมสูง หนีรอดมาได้หวุดหวิด ขณะที่ ปภ.รายงานมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในจังหวัดนครศรีธรรมราชได้เข้าสู่ภาวะวิกฤติ เนื่องจากยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากในเกือบทุกอำเภอ โดยที่ถนนสายนคร-พระพรหม หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลนครศรีธรรมราช ระดับน้ำท่วมสูง รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ ส่วนที่ถนนสายนาพรุ-เบญจมะ เส้นทางระหว่าง อ.พระพรหม กับ อ.เมือง มีระดับน้ำท่วมฝั่งตะวันตกรถผ่านไม่ได้ โดยมีรถสามารถขับผ่านได้ทางฝั่งตะวันออก

โดยที่ถนนนาพรุ-เบญจมะ นั้นมีน้ำไหลเชี่ยวกราก ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ และ 2 ข้างทางพบว่ามีรถยนต์จอดเสียอยู่จำนวน 5-6 คัน มีรถลากเข้าไปให้การช่วยเหลือ นอกจากนี้ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียคนหนึ่งเดินทางมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี ผ่านเส้นทางดังกล่าวแต่ไม่ชำนาญเส้นทาง รถได้เสียหลักลงคูริมถนนที่มีน้ำท่วมสูง ทำให้รถจมน้ำ แต่ด้วยไหวพริบที่ได้เปิดกระจกรถไว้ จึงสามารถออกจากตัวรถและว่ายน้ำเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย

ในขณะที่บริเวณถนนเทวบุรี หน้าองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช น้ำท่วมสูงเช่นกัน ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้เดินลุยน้ำลึกกว่า 1 เมตรออกไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ส่วนพื้นที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม ระดับน้ำท่วมสูงทั้งรถเล็กรถใหญ่ไม่สามารถผ่านไปมาด้วยโดยสิ้นเชิง โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าสำรวจและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

ส่วนที่ซอยนาวัด เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นชุมชนลุ่มต่ำระดับน้ำลึกกว่า 1 เมตร ได้มีศพผู้เสียชีวิตเป็นชายคนหนึ่งไม่ทราบชื่อ ลอยตามน้ำไปติดอยู่ในซอย ชาวบ้านจึงร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลได้ช่วยกันนำศพขึ้นเพื่อรอญาติแล้ว ในขณะที่บรรยากาศทั่วไปฝนยังคงตกอยู่แต่ไม่รุนแรงเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่ระดับน้ำจากเทือกเขาหลวงยังคงไหลเข้าสู่เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้สรุปพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.-14 ธ.ค.67 มีพื้นที่ประสบภัย 21 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ทุ่งสง , เมือง , จุฬาภรณ์ , สิชล , เชียรใหญ่ , ชะอวด , เฉลิมพระเกียรติ , พระพรหม , พรหมคีรี , ปากพนัง , หัวไทร , ร่อนพิบูลย์ , นบพิตำ , พิปูน , นาบอน , บางขัน , ฉวาง , ขนอม , ท่าศาลา , ช้างกลาง และ อ.ลานสกา 130 ตำบล 1,056 หมู่บ้าน 59 ชุมชน ได้รับผลกระทบ 107,937 ครัวเรือน 311,226 คน เสียชีวิตถึง 4 ราย

สำหรับพื้นที่ต้นน้ำ อ.ลานสกา พรหมคีรี และ อ.นบพิตำ ยังคงมีฝนตกหนักต่อเนื่องส่งผลให้เกิดมวลน้ำป่าเทือกเขาหลวงไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ และคาดการณ์ว่ามวลน้ำก้อนดังกล่าว จะไหลมาสมทบลงสู่ อ.พระพรหม , ท่าศาลา และเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช พื้นที่รับน้ำ ในเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันนี้ (16 ธ.ค.67)

ส่วนระดับน้ำในคลองสายหลักที่ไหลผ่านเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้เพิ่มระดับสูงขึ้นและเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนในตรอกซอยต่างๆ บางจุดมีน้ำท่วมสูงรถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ชาวบ้านต้องเดินเท้าและใช้เรือในการเข้าออก โดยเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้ประกาศแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนตั้งแต่เมื่อคืน ให้ขนย้ายข้าวของและอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัย ซึ่งเทศบาลใช้อาคารของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครทุกแห่งเป็นจุดพักพิงชั่วคราวแก่ประชาชน

ขณะที่บริเวณพื้นที่ อ.เมือง มีผู้เสียชีวิตสังเวยน้ำท่วมวันนี้แล้ว 2 ราย รายแรก นายจักรกฤษณ์ ฝั่งชลจิตร์ นายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจาก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากนคร และนายกเทศมนตรีตำบลปากนคร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่ามีผู้เสียชีวิตในพื้นที่จำนวน 1 ราย สถานที่เกิดเหตุ บริเวณสะพานระหว่างต.ปากนครกับต.ท่าไร่ สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากถูกกระแสไฟฟ้าช็อต ขณะเดินฝ่าน้ำท่วมอีกรายพบศพผู้เสียชีวิตจมน้ำที่ ม.4 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่อไป

สภาพน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะถนนสายกะโรม ย่านตลาดหัวอิฐ อ.เมืองนครศรีธรรมราช ระดับน้ำบนถนนสายกะโรมยังอยู่ในระดับสูง ประชาชนต้องลุยน้ำท่วมสูงออกมาบนถนน เพื่ออพยพหนีน้ำ บางรายก็ลุยน้ำออกมาหาของกินเพื่อนำตุนกินในบ้านในภาวะน้ำท่วมสูงในครั้งนี้ บางรายก็นำเอารถหนีน้ำแต่ไม่ทันถูกน้ำท่วมเสียกลางถนนหลายคัน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ บอกว่าระดับน้ำท่วมสูงครั้งนี้ น่าจะมากกว่าปี 2554 เสียอีก คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายเป็นจำนวนมาก ที่ยังไม่สามารถประเมินค่าได้