จากกรณีนางสาวเอ นามสมมติ อายุ 22 ปี อาชีพสาวพีอาร์ ชาว จ.ราชบุรี ได้โพสต์คลิปลงบนโลกโซเชียล หลังถูกสาวประเภทสอง รูปร่างใหญ่ พร้อมกับพวกรุมทำร้าย บริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ในซอยพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยกล้องวงจรปิดข้างหอพัก รวมถึงผู้พักอาศัยที่อยู่ภายในห้องเช่า แอบถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุไว้ได้ เหตุเกิดเวลา 23.35 น. ของวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา
ล่าสุดเวลา 14.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. 67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบนางสาวเอ ผู้เสียหายรายนี้ ซึ่งเธอยังอยู่ในอาการหวาดกลัว และหวาดระแวงตลอดเวลา เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ก่อนหน้านี้เพื่อนได้ไปกู้เงินนอกระบบ โดยเธอเป็นคนเซ็นค้ำประกัน จำนวน 30,000 บาท เมื่อช่วงประมาณต้นปี ต่อมาเพื่อนของเธอได้หนีไปต่างประเทศ ทำให้เจ้าหนี้ต้องตามมาทวงหนี้ เนื่องจากเป็นผู้ค้ำประกันไว้
จนกระทั่งประมาณช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ได้มีนายเก๋ หรือเมซิ อายุ 21 ปี เป็นสาวประเภทสอง (LGBTQ) อ้างว่า รับว่าจ้างจากเจ้าหนี้ หรือเจ้าของเงินกู้นอกระบบ ให้มาจับตัวตนไปขังไว้ที่ร้านสักลายแห่งหนึ่งในซอยรุ้งแลนด์ พัทยาใต้ จากนั้นยึดโทรศัพท์มือถือ พร้อมกับบัตรประชาชนไว้ ขู่บังคับว่า “อยากได้โทรศัพท์มือถือและบัตรประชาชนคืน จะต้องทำงานใช้หนี้” ซึ่งงานที่ว่าคือ “ขายบริการทางเพศ” ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาคืนเจ้าหนี้ จึงตัดสินใจยอมทำตามที่นายเก๋ หรือเมซิ บอก คือการขายบริการทางเพศ โดยนายเก๋จะเป็นคนหาลูกค้าให้ ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 4 วัน ตนเองก็ใช้หนี้ทั้งหมด จำนวน 30,000 บาท ได้สำเร็จ แต่นายเก๋ไม่ยอมปล่อย ขอเงินค่าติดตามทวงหนี้เพิ่มอีก 5,000 บาท ด้วยความที่ไม่อยากมีปัญหา และอยากได้อิสรภาพ รวมถึงอยากได้โทรศัพท์มือถือและบัตรประชาชนคืน ตนจึงยอมให้เงินเพิ่มไปอีก 5,000 บาท
ลังจ่ายเงินครบตามจำนวน ปรากฏว่านายเก๋บอกว่า ได้รับการติดต่อจากเจ้าหนี้ ที่ตนเองกับแฟนเก่าไปสร้างหนี้ไว้ เป็นจำนวน 90,000 บาท เมื่อนานมาแล้ว ตอนแรกที่ได้ยิน รู้สึกตกใจมาก โดยไม่คิดว่านายเก๋จะไปเอาข้อมูลนี้มาจากไหน แต่คิดว่าน่าจะดูในโทรศัพท์มือถือของตนเองตอนที่ถูกยึดไว้ ซึ่งนายเก๋ก็บังคับด้วยวิธีเดิม คือให้ตนขายบริการทางเพศอีกครั้ง ซึ่งตนเองก็ยอมทำงานใช้หนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน ยอมลำบาก ยอมเจ็บตัว ต้องขึ้นกับลูกค้าวันละ 10 รอบ คิดเป็นเงินครั้งละ 2,000 ถึง 3,000 บาท ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนชาวอเมริกา อินเดีย จีน และเกาหลี โดยติดต่อ ผ่านแอปพลิเคชัน ส่วนเงินที่ได้จากการขายบริการ ตนไม่เคยได้ใช้แม้แต่บาทเดียว เพราะนายเก๋เป็นคนเก็บไปหมด จะได้เฉพาะเงินทิปจากลูกค้า จนเวลาผ่านไป 1 เดือน ทำงานใช้หนี้จนครบจำนวน จึงตัดสินใจหนีออกมา เมื่อประมาณวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา อาศัยอยู่ที่ห้องพักดังกล่าว
ต่อมา คืนวันที่ 22 มิ.ย. 67 นายเก๋ หรือเมซิ ก็สืบจนรู้ว่าตนแอบมาพักที่ห้องพัก ได้ยกพวกตามมารังควาน (มีภาพกล้องวงจรปิด) ทั้งมาเคาะประตู แอบย่องทางด้านหลังตึก พยายามกดดันให้ตนออกมาคุย โดยอ้างกับ รปภ. ของหอพักว่า ตนมีหมายจับ 5 ใบ จนทาง รปภ. ไม่กล้ายุ่งเกี่ยว แต่สุดท้ายพี่ รปภ. เห็นความผิดปกติหลายอย่าง จึงโทรตามตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองพัทยา มาตรวจสอบ พอตำรวจมาถึง ตนจึงยอมออกจากห้อง ออกมานั่งคุยกับนายเก๋ โดยมีการพูดคุยเจรจากันอยู่นาน สุดท้ายนายเก๋จึงยอมคืนโทรศัพท์มือถือให้ แล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ส่วนตำรวจสายตรวจก็แนะนำให้ตนไปแจ้งความ แต่หลังจากที่ตำรวจออกไปไม่ถึง 10 นาที กลุ่มนายเก๋ได้กลับมาที่หอพักอีกครั้ง พร้อมกับทำร้าย ทั้งตบทั้งตี กระชากผม กระทืบซ้ำ และพยายามจะฉุดกระชากขึ้นรถเก๋ง แต่ตนไม่ยอม ก่อนที่กลุ่มนายเก๋จะหลบหนีไป ตนจึงนำหลักฐานกล้องวงจรปิด เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา เมื่อช่วงเวลาเที่ยงคืน เข้าวันที่ 23 มิถุนายน
“ตนรู้สึกแย่มาก หลังจากได้โทรศัพท์คืนมา ได้โทรศัพท์ไปถามเจ้าหนี้ตัวจริง ซึ่งเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบรายแรก เงิน 30,000 บาท โดยยอดนี้เจ้าของเงินได้รับเงินคืนครบ ส่วนอีกคน ยอดเงิน 90,000 บาท ปรากฏว่าเจ้าหนี้ยืนยันว่าไม่เคยได้รับเงินในส่วนนี้คืนแม้แต่บาทเดียว จึงนำคลิปมาขอความช่วยเหลือ พร้อมทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการกับนายเก๋พร้อมพวกให้ถึงที่สุด และขอเงินที่ตนยอมทำงานแลกมา นำไปคืนเจ้าหนี้ตัวจริง”
ขณะเดียวกันยังต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เพราะหลังจากที่หนีออกมา กลุ่มคู่กรณีก็พยายามส่งข้อความมาข่มขู่ รวมถึงอ้างว่ารู้จักตำรวจยศใหญ่ และบอกว่าถึงแม้ตนจะแจ้งความก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อีกทั้งจะตามมาตบซ้ำ จึงอยากให้ตำรวจช่วยเร่งรัดคดีนี้ด้วย