กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พล.ต.ต.อริยพล สินสอน ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร., พ.ต.อ.อรุณ วัชรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.ฌัทกฤช น้อยคำปัน ผกก.4 บก.ปทส., พ.ต.ท.เอนก นาคธร รอง ผกก.4 บก.ปทส., พ.ต.ท.เกียรติพันธ์ เจริญชนิกานต์รอง ผกก.4 บก.ปทส.ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.จิรายุ อิ่นแก้ว รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปทส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. ชุดปฏิบัติการพิเศษ ได้ร่วมกันจับกุม 2 ผู้ต้องหา คือ
1. นางกานดาฯ อายุ 41 ปี ในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ฐาน “ร่วมกันทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆ แก่ไม้หวงห้ามในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ร่วมกันมีไม้หวงห้ามชนิดอื่นแปรรูปมีปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ร่วมกันมีไม้ชิงชันแปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่า ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ” และตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ ฐาน “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ร่วมกัน ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนังานเจ้าหน้าที และรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้หรือของป่า ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หรือของป่าที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติฯ”
2. ร้อยเอกบัญชาฯ อายุ 45 ปี ในความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ฐาน “ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ มีไม้หวงห้ามชนิดอื่นแปรรูปมีปริมาตรเกินกว่า 0.20 ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.ไม้หวงห้ามแปรรูป (ชิงชัน) จำนวน 65 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 5.198 ลูกบาศก์เมตร คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 1,559,400.-บาท (ผู้ต้องหาที่ ๑)
2.ไม้หวงห้ามแปรรูป (ประดู่) จำนวน 115 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 2.325 ลูกบาศก์เมตร คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 162,750.- บาท (ผู้ต้องหาที่ ๑)
3.ไม้หวงห้ามแปรรูป (ปมประดู่) จำนวน 20 ท่อน ปริมาตร 0.559 ลูกบาศก์เมตร คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 39,130.- บาท รวมมูลค่าความเสียหายต่อรัฐ 1,761,280 บาท (ผู้ต้องหาที่ ๑)
4.เครื่องชั่งน้ำหนัก จำนวน 2 เครื่อง (ผู้ต้องหาที่ ๑)
๕.ไม้หวงห้ามแปรรูป (ประดู่) จำนวน 15 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 1.550 ลูกบาศก์เมตร คิดค่าเสียหายของรัฐเป็นเงิน 108,500.- บาท (ผู้ต้องหาที่ ๒)
๖.รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียนแม่ฮ่องสอน จำนวน 1 คัน (ผู้ต้องหาที่ ๒)
สถานที่จับกุม โกดังไม่มีเลขที่ ซอยหมู่บ้านสวนหัตถกรรม หมู่ที่ 8 ต.หนองแก๋ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ต่อเนื่องบริเวณ ถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตอง-หางดง หมู่ที่ 6 ต.สันกลาง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
พฤติการณ์ ตามนโยบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ทำการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อมข้ามชาติโดยเฉพาะด้านไม้ผิดกฎหมายในพื้นที่ซึ่งเกิดการระบาดถูกนำส่งออกต่างประเทศอย่างหนักในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลทางการสืบสวนจนได้มาซึ่งการปฏิบัติการในครั้งนี้ โดยได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ ย่านบ้านถวาย ท้องที่บ้านหนองแก๋ว ต.หนองแก๋ว อ.หางดง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวจำหน่ายผลิตภัณฑ์สินค้าหัตถกรรมชื่อดังของเชียงใหม่
จากการตรวจค้นพบไม้ชิงชันแปรรูป ขนาด 12×12 นิ้ว และขนาด 8×8 นิ้วรวมทั้งหมด 65 ท่อน และไม้ประดู่แปรรูป 70 นิ้ว หนา 3 นิ้ว และขนาด 13 นิ้วหนา 1 นิ้ว 115 แผ่น นอกจากนี้ยังพบปมไม้ประดู่ทั้งหมด 20 ชิ้น น้ำหนักกว่า 1 ตัน กองอยู่ภายในโกดัง และพบร่องรอยการขนไม้เข้า-ออกจากโกดังได้ไม่นาน โดยนางกานดาฯ (ผู้ต้องหาที่ ๑) ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน รับเป็นคนดูแลโกดัง โดยผู้ต้องหาที่ ๑ รับว่าอาศัยอยู่ที่โกดังดังกล่าวมานานนับ 10 ปีแล้ว ต่อมาเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา เจ้าของโกดังได้ให้กลุ่มคนขับรถบรรทุกนำไม้แปรรูปมาพักไว้ในโกดัง โดยตนไม่ทราบว่าไม้แปรรูปเป็นไม้ที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตนมีหน้าที่เพียงคอยเปิด-ปิดประตูโกดังเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดไม้ของกลางและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หางดง ต่อไป
และในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยังรับเบาะเเสแจ้งว่าจะมีรถยนต์บรรทุกไม้ผิดกฎหมายขับขี่มายังโกดังแห่งนี้ โดยขับขี่มาตามถนนเลี่ยงเมืองสันป่าตองหางดง ขับขี่มุ่งหน้ามาทาง บ้านถวาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อพบรถยนต์ต้องสงสัย ลักษณะตรงตามเบาะแส จึงได้เรียกตรวจสอบ โดยพบว่ามีการบรรทุกไม้เถื่อนของกลางเต็มกระบะหลังรถ โดยผู้ต้องหาที่ ๒ ได้ให้การว่า “ไม้ดังกล่าวตนได้ซื้อต่อมาจากบุคคลที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านแม่นาตึง หมู่ 2 ต.แม่นาตึง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน โดยตนไม่ทราบว่าไม้ดังกล่าวเป็นไม้ที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และตนกำลังเอาไม้ดังกล่าวไปส่งให้กับนายทุนเจ้าของโกดังดังกล่าว” ซึ่งภายหลังจากทำการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบทราบว่าผู้ต้องหาที่ ๒ รับราชการทหาร ดำรงยศร้อยเอก สังกัดทหารทางภาคเหนือ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัว ผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันป่าตอง เพื่อดำเนินคดีต่อไป โดยสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพ
ทั้งนี้ จากการสืบสวนข้อมูลเชิงลึก ไม้ประดู่และไม้ชิงชันล็อตนี้ได้มีการเตรียมส่งขายให้นายทุนต่างประเทศ ด้วยการขนปะปนอำพรางกับสินค้าหัตถกรรม ส่งออกไปยังต่างประเทศทางเรือ ซึ่งไม้ชิงชัน และไม้ประดู่เป็นที่นิยมในกลุ่มชาวต่างชาติ เชื่อว่าเป็นไม้มงคล ทำให้มีความต้องการและมีราคาสูง โดยไม้ชิงชันหากสามารถนำออกไปต่างประเทศได้จะมีราคากิโลกรัมละ 1,500 บาท ส่วนไม้ประดู่ราคากิโลกรัมละ 300 บาท ขณะที่ปมประดู่ ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีลักษณะพิการ จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 2 พันบาท หากไม้เถื่อนล็อตนี้หลุดรอดส่งไปยังต่างประเทศได้จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ด้วยราคาสูงล่อใจ ทำให้มีการลักลอบตัดไม้ประดู่ และไม้ชิงชันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ อ.ฮอด อ.แม่แจ่ม และ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถตรวจจับขบวนการลักลอบขนไม้เถื่อนได้บ่อยครั้ง และหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ขยายผลติดตามจับกุมขบวนการค้าไม้เถื่อนข้ามชาติกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป