ญาตินำศพนักธุรกิจ หลังตามง้อสาวขอนแก่นไม่สำเร็จก่อนยิงทิ้งทั้งครอบครัว กลับหนองคายแล้ว พบอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ในรถเพียบ ขณะที่หลานชาย 18 ปีที่ถูกยิงส่งข้อความสุดท้ายบอกแม่ว่ามือปืนยิงทุกคนตายหมดแล้วก่อนขาดการติดต่อไป
จากกรณีที่ นาย นพดล อันทะษี อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999 ม.10 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.หนองคาย เจ้าของรีสอร์ทริมแม่น้ำโขงแห่งหนึ่ง ในจ.หนองคาย ขับรถเก๋งโตโยต้า แคมรี่ สีดำ หมายเลขทะเบียน กท -157 หนองคาย มาตามง้อ น.ส.คลิตา แฝงฤทธิ์ หรือหมิว อายุ 28 ปี ที่บ้านเลขที่ 139 หมู่ 10 บ.ขามป้อม ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น แต่ง้อไม่สำเร็จก่อนใช้อาวุธปืนชนาด 11 มม.ยิงแม่ยาย,ภรรยา รวมทั้งหลานชาย จนเสียชีวิตก่อนยิงตัวเองตายตาม โดยทิ้งลูกสาววัย 2 ขวบไว้ ตามข่าวทีได้นำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 21 เม.ย.2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มัญจาคีรีได้ทำการตรวจสอบภายในรถของนายนพดลพบว่ามีอุปกรณ์การเสพยาไอซ์ในรถเป็นจำนวนมาก ในขณะที่เจ้าหน้าที่ได้นำร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ศพออกมา โดยร่างของนาย นพดล มือปืน ญาติได้มาติดต่อขอรับศพเพื่อนำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.หนองคาย โดยญาติไม่ติดใจ
ขณะที่ ศพของแม่ยาย ,ภรรยา และหลานชาย ที่ถูกนายนพดล ยิงเสียชีวิตภายในบ้านพักนั้น ญาติได้นำใส่โลงเพื่อเตรียมประกอบพิธีทางศาสนา ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติพี่น้อง และชาวบ้าน รวมทั้งเพื่อนของนายพลพิพัฒน์ ที่ต้องมาเสียชีวิตทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย และพบว่าขณะเกิดเหตุนั้น น้ายพลพิพัฒน์ ได้ ส่งข้อความไปหาแม่ที่อยู่ กรุงเทพฯ ว่า ” แม่ บักบอย มันยิง ตายหมด” ก่อนที่แม่จะพยายยามโทรหาแต่ไม่รับสาย จนกระทั่งทราบว่าถูกยิงเสียชีวิตแล้ว
นายเวียงชัย คำตุ้ม อายุ 58 ปี 166 ม.10 ต.โพนเพ็ก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น สามีของนางจรวยพร และเป็นพ่อของ น.ส.คลิตา กล่าวว่าออกไปซื้อกับข้าวในหมู่บ้าน ซึ่งมีเพื่อนบ้านได้โทรมาบอกว่า ได้ยินเสียงปืนดังอยู่ในบ้าน ก่อนที่ตนเองจะโทรแจ้งตำรวจว่ามีเสียงปืนดังขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ จึงได้เดินทางมาที่เกิดก่อน ส่วนตนเองก็ขับรถกลับมาบ้าน พอมาถึงบ้านทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้ตนเองเข้าไป เพราะเกรงว่ามือปืนจะทำร้ายคนอื่นอีก และยังไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร จึงได้รอให้เจ้าหน้าที่ทำหน้าที่และเคลียร์พื้นที่ก่อน ซึ่งเพื่อนบ้านบอกว่าได้ยินเสียงปืนดังครั้งแรก 3 นัด ครั้งที่สอง 4 นัด ครั้งที่สาม อีก 2 นัด
” พอเจ้าหน้าที่ได้เคลียร์พื้นที่เรียบร้อย พร้อมกับอุ้มหลานสาวออกมาบอกว่าหลานไม่โดนยิง จึงได้เข้าไปดูกระทั่งทราบว่าถูกยิงตายแล้ว 4 ศพ ทั้งภรรยาตนเอง ,ลูกสาว, หลานชาย และอดีตลูกเขย ส่วนหลานสาววัย 1 ขวบ 7 เดือน รอดชีวิตคนเดียวในบ้าน ซึ่งคาดว่ามือปืนน่าจะมาประมาณ 08.00 น. เพราะตอนที่ตนออกไปซื้อกับข้าว ยังไม่เห็นรถของนายนพดลมาจอด ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกสาวได้หนีสามีมาได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ได้ยินว่าเคยทะเลาะกันมาก่อนแล้ว ตบตีกันมาก่อน ถึงขั้นขึ้นศาลมาแล้วตั้งแต่อยู่ จ.หนองคาย ที่ผ่านมาเคยคิดอยู่ว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ได้ยินในข่าวบ่อยๆ และก็ได้เตือนลูกสาวไปบอกว่า ตอนที่ถูกเขาตบเขาตีก็อย่าไปตอบโต้เขา เดี๋ยวเขาจะยิงหรือฆ่าทิ้ง ซึ่งก็เคยได้เตือนไว้อยู่”