นครราชสีมา–เฒ่าวัย 80 ปี คลุมคลั่งใช้ปืนกราดยิง น้องสาวดับ หลานสะใภ้สาหัส หลานชายเผยเหตุจากแค้นถูกไล่ออกจากบ้าน ขณะที่ชาวบ้านแห่รอดูทำแผนแต่ผู้ต้องหาหวั่นถูกรุมประชาทัณฑ์
จากกรณีเมื่อเวลา 11.12 น. วันที่ 24 พ.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คง ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันที่บ้านเลขที่ 20 ม.18 บ้านโนนตาแก้ว ต.คูขาด อ.คง จ.นครราชสีมา จึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่เกิดเหตุ พบมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย อยู่บริเวณข้างบ้าน ทราบชื่อคือนางทองมี จันทร์นอก อายุ 71 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณหน้าอกข้างซ้าย และมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย คือนางมะปราง (สงวนนามสกุล) โดยทราบในเวลาต่อมาว่าคนที่ยิงคือนายสวาสด์ พวงสมบัติ อายุ 80 ปี เป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิต ส่วนนางมะปราง เป็นหลานสะใภ้ ซึ่งขณะนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ระหว่างขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี และมีอาวุธปืนอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่ และปิดล้อมพื้นที่ ก่อนที่จะสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในเวลาต่อมา
ต่อมาได้มีชาวบ้านเดินทางมามุงดูกันอย่างคึกคัก หลังจากทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว และเตรียมที่จะนำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยชาวบ้านได้มารอดูการทำแผนกันเป็นจำนวนมาก แต่เวลาต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คง ว่าผู้ต้องหาไม่ประสงค์ทำแผน เพราะเกรงว่าจะถูกชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าก่อเหตุเพราะความเจ็บแค้นใจที่ถูกผู้ตายฟ้องขับไล่จนศาลตัดสินให้ออกจากบ้าน ที่เคยอาศัยอยู่มานาน ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จึงตัดสินใจก่อเหตุสลดในครั้งนี้ ซึ่งผู้ต้องหายินดีรับโทษที่ตนเองกระทำลงไปทุกประการ
ด้าน น.ส.ดวงใจ ใจบุญนอก ผู้ใหญ่บ้านโนนตาแก้ว หมู่ 18 ต.คูขาด อ.คง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุนางมะปรางฯ ที่โดนยิงวิ่งกระโดดลงน้ำแล้วว่ายน้ำข้ามคลอง มาขอความช่วยเหลือจากตนเอง โดยบอกว่าถูกนายสวาสด์ฯ ไล่ยิงมา ได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนซ้าย จึงให้เพื่อนบ้านนำส่งโรงพยาบาล แล้วแฟนของนางมะพรางก็วิ่งอ้อมไปหาที่หลังบ้าน บอกถูกไล่ยิงมาเหมือนกัน ตนเองจึงได้โทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คง มาระงับที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนั้นไม่ทราบว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิต เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึง ก็กันพื้นที่ไม่ให้ใครเข้าไป เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืนอยู่ในมือ ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ และตรวจสอบที่บ้านดังกล่าวพบว่ามีคนถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย ส่วนสาเหตุนั้นตนเองยังไม่แน่ชัด แต่ทั้งคู่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมานานแล้ว เรื่องที่ดินโดยศาลสั่งให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิตด้วย
นายศรัญญู จันทร์นอก อายุ 52 ปี ลูกชายผู้ตายเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุไม่ได้มีการทะเลาะกันภายในครอบครัว แต่ก่อนหน้านั้นมีเรื่องขัดแย้งระหว่างครอบครัวของตนกับผู้ก่อเหตุอยู่หลายประเด็น โดยผู้ก่อเหตุนั้นทางครอบครัวของตนนั้นได้ไปฟ้องขับไล่ผู้ก่อเหตุ จนศาลมีคำตัดสินให้ผู้ก่อเหตุนั้นออกจากที่ดินของตนที่ปลูกบ้านอยู่ ซึ่งหลังจากศาลตัดสินทางผู้ก่อเหตุก็ขู่ฆ่าครอบครัวของตนมาตลอด เป็นระยะเวลานานกว่า 6 เดือนแล้ว ทางผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมออกจากบ้าน จนตนนั้นต้องไปคัดลอกคำสั่งศาลมาให้ดูเพื่อให้ผู้ก่อเหตุนั้นออกจากที่ดิน โดยเมื่อเช้านี้ตนก็เดินไปบอกกับผู้ก่อเหตุอีกครั้งว่าให้ออกไปจากที่ดิน
พร้อมกับบอกผู้ก่อเหตุว่าเดี๋ยวจะโดนศาลสั่งบังคับคดีซึ่งตนก็ไปบอกดีๆ ผู้ก่อเหตุนั้นก็เงียบเฉยพร้อมกับถือมีดและเหน็บปืนที่เอว พอมาถึงบริเวณที่แม่ของตนนั่งกินข้าว ก็โยนมีดทิ้งพร้อมกับยกปืนขึ้นมายิง โชคดีที่ตนและญาติที่ยืนอยู่ด้วยกันนั้นหลบทัน จากนั้นผู้ก่อเหตุก็เริ่มยิงกราดจนไปโดนแม่ของตนที่อยู่ในบริเวณนั้นกับหลานสะใภ้อีก 1 คน ซึ่งหลังจากได้ยินเสียงปืนดังขึ้นก็วิ่งหนีกันกระเจิง จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้ามา ทางผู้ก่อเหตุนั้นก็ยิงเปิดทางพร้อมกับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปจากบ้านเพื่อจะไปหาหลานชายของผู้ก่อเหตุ
นายศรัญญูฯ เล่าต่อไปอีกว่า สาเหตุที่ไม่อยากให้ผู้ก่อเหตุนั้นอยู่ที่บ้านเนื่องจากถูกขู่ฆ่าอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตนซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของผู้ก่อเหตุที่ต้องการที่จะฆ่าทิ้ง โดยปีที่แล้วนั้นตนกับผู้ก่อเหตุเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันจนถึงขั้นขึ้นศาลมาแล้ว ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้น ทำให้ตอนนี้ตนไม่มองว่าผู้ก่อเหตุนั้นเป็นญาติอีกต่อไป.