ข่าวสังคมทั่วไป » นายจำลอง พรมหนองโดก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนครสวรรค์ตก ลงเล่นการเมือง เข้าร่วมพรรคไทยเป็นหนึ่ง

นายจำลอง พรมหนองโดก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนครสวรรค์ตก ลงเล่นการเมือง เข้าร่วมพรรคไทยเป็นหนึ่ง

20 ธันวาคม 2022
642   0

นายจำลอง พรมหนองโดก นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนครสวรรค์ตก ลงเล่นการเมือง เข้าร่วมพรรคไทยเป็นหนึ่ง

จับตา “พรรคไทยเป็นหนึ่ง” จากฝีมือ นายจำลอง พรมหนองโดก ผู้คร่ำหวอดการเมืองท้องถิ่น ประกาศเป็นหนึ่งในตัวเลือกระดับประเทศ เพื่อคนไทยที่อยากเริ่มต้นใหม่

หลังจากทุ่มเทในการพัฒนาท้องถิ่นนานหลายปี ของ นายจำลอง พรมหนองโดก ในตำแหน่ง นายก อบต.นครสวรรค์ตก แห่งเมืองปากน้ำโพ เมื่อเห็นปัญหาที่หมักหมมของประเทศ หลายๆด้าน ที่ต้องใช้การแก้ไข ในระดับนโยบายการเมืองระดับชาติ จึงหวังจะใช้ประสบการณ์จากการคลุกคลีกับประชาชนระดับรากหญ้า ซึ่งมองเห็นถึงต้นตอแห่งปัญหา และเข้าใจถึงสิ่งที่ประชาชนคนไทยต้องการอย่างแท้จริง เมื่อได้รับโอกาสจากการเชื้อเชิญให้มารวมพลังทำงาน ในนาม พรรคไทยเป็นหนึ่ง ของ นายนิธิพัฒน์ พัสวีดิลกภัทร์ คนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีแนวคิดทันสมัย ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรค จึงถือโอกาสนี้ ในการกระโดดลงสนามใหญ่ ขันอาสาเป็นตัวเลือกให้กับคนไทย ที่เบื่อหน่ายกับนักการเมืองที่สนใจแต่เล่นการเมือง มากกว่าการดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทย และคนที่อยากเริ่มต้นใหม่ กับผู้แทนคนใหม่ ที่ตั้งใจในการทำงาน และมีวิสัยทัศน์อย่างแท้จริง

นายจำลอง พรมหนองโดก แกนนำ พรรคไทยเป็นหนึ่ง เปิดเผยว่า การขับเคลื่อน พรรคไทยเป็นหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาที่สะสมกันมา ทั้งวิกฤตจากโรคระบาด โควิด-19, ราคาสินค้าแพง, ปัญหาความขัดแย้งในสังคม, ปัญหาค่าครองชีพ, ปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะ ปัญหาของเครดิตบูโร ที่คนไทยส่วนมากติดอยู่ในหล่มหนี้สิน จนโงหัวไม่ขึ้น ซึ่งถ้ายังก้าวออกจากปัญหานี้ไม่ได้ การจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ และขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ก็จะทำได้ยากตามไปด้วย

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่าการตั้งพรรคการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น จากที่ตนเคยทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมาตลอดในระดับท้องถิ่น ก็ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากพ่อแม่พี่น้อง ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอีกครั้ง จึงเป็นที่มาของการมาร่วมทำพรรคไทยเป็นหนึ่ง ที่รวบรวมบุคลากรหลากหลายอาชีพเพื่อเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา เป็นปากเป็นเสียง ร่วมสู้กันไปไม่ให้ประชาชนเกิดความท้อแท้ โดยจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน เปิดโอกาสให้มีการพัฒนาความสามารถ การเข้าถึงแหล่งทุน การดูแลสิทธิและเสรีภาพให้เกิดความเท่าเทียมและเสมอภาค