อว. มอบนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศแบบผลิตออกซิเจน บวก-ลบ แก่ ผส. และ พก. รับมือการแพร่ระบาดโควิด-19

วันนี้ (28 ก.ย. 64) ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ และนายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ ส่งมอบ “นวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศแบบผลิตออกซิเจน บวก-ลบ” เครื่องใหญ่แบบตั้ง จำนวน 26 เครื่อง และเครื่องเล็กพกพา จำนวน 24 เครื่อง โดยมี นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ และนางสาวสราญภัทร อมุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นผู้รับมอบ ฯ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. เป็นหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ ที่มีเป้าหมายในการนำผลสำเร็จจากงานวิจัยและนวัตกรรมมาเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาสำคัญและเป็นวิกฤตเร่งด่วนของประเทศ ทั้งนี้ วช. ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการดูแลคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะคนพิการและผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเปราะบาง จึงได้ร่วมกับ พม. โดย พก. และ ผส. ในการขับเคลื่อนงานนวัตกรรมพร้อมใช้สำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ผลักดันให้เกิดการนำผลงานนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกันตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ในการร่วมกันกำหนดนโยบายวางแผนการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมสาหรับคนพิการและผู้สูงอายุ และส่งเสริมให้คนพิการและผู้สูงอายุได้รับการบริการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้การขับเคลื่อนผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การขยายผลต่อกลุ่มเป้าหมาย และผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง

ดร.วิภารัตน์ กล่าวต่อว่า และเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด–19 ในประเทศไทยที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และในระลอกที่ 3 มีแนวโน้มการระบาดที่เพิ่มขึ้น จากการแพร่เชื้อที่สามารถติดต่อได้ง่ายทั้งการแพร่ระบาดจากคนสู่คน ผ่านการสัมผัสโดยตรงจากการสูดดมละอองฝอยจากการไอหรือจาม น้ำลาย น้ำมูกของผู้ติดเชื้อ และจากการสัมผัสทางอ้อมโดยการสัมผัสทางมือ จากการศึกษาวิจัยพบว่าอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรค COVID-19 จะพบมากที่สุดในกลุ่มผู้สูงอายุและคนพิการ โดยเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่สุดที่จะติดเชื้อและเสียชีวิต จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดูแลผู้สูงอายุและคนพิการเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ วช. จึงมีการสนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรม เพื่อช่วยลดอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยพัฒนานวัตกรรมการป้องกันการติดเชื้อจากอากาศ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสมาคมกีฬาเครื่องบินจาลองและวิทยุบังคับ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการพัฒนานวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศแบบผลิตออกซิเจนบวก – ลบ ทั้งแบบพกพาและแบบตั้งโต๊ะ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ในพื้นที่ปิด เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพอากาศให้มีการปนเปื้อนจากเชื้อจุลินทรีย์ในอากาศน้อยลง ซึ่งเป็นอีกแนวทางสำคัญที่ช่วยควบคุมการแพร่กระจายของโรคโควิด -19 ได้ วช. จึงเห็นควรส่งมอบเครื่องฟอกอากาศแบบผลิตออกซิเจนบวก – ลบ ทั้งแบบพกพาและแบบตั้งโต๊ะให้กับกรมกิจการผู้สูงอายุ และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่ในสถานดูแลผู้สูงอายุและคนพิการ ได้นำนวัตกรรมไปใช้ป้องกันการติดเชื้อจากอากาศซึ่งช่วยเพิ่มเติมการป้องกันจากมาตรการเดิมที่มีอยู่ให้มากยิ่งขึ้น ช่วยลดอัตราการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยในขณะนี้

นายพิศิษฐ์ มิตรเกื้อกูล นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ กล่าวว่า นวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศแบบผลิตออกซิเจน บวก-ลบ เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาทดสอบประสิทธิภาพขึ้น ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้การปล่อยประจุไอออน 2 ชนิด คือ ออกซิเจนบวก และ ออกซิเจนลบ เพื่อจะไปทำปฏิกิริยากับเซลล์หรืออนุภาคต่าง ๆ ของไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ นอกจากนี้ นวัตกรรมดังกล่าวยังทำให้อากาศบริสุทธิ์ สะอาด ป้องกันเชื้อโรค โดยใช้เทคโนโลยี Bipolar Ionizer Technology (BIT) ระบบ Corona System ปล่อยโคโรน่าเพื่อแยกโมเลกุล ออกซิเจน ออกเป็นออกซิเจนบวกและลบไปรวมกับ ไอน้ำ (H2O) ในอากาศ เกิดกลายเป็นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) และไฮดรอกไซด์ (OH) ซึ่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งและทำลายเชื้อโรค ทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้น

นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรมกิจการผู้สูงอายุเราได้ดูแลกลุ่มเปราะบางอย่างเต็มที่ตามมาตรการ ขณะเดียวกันเชื้อไวรัสในอากาศที่มองไม่เห็นนับเป็นอีกมิติหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งนวัตกรรมเครื่องฟอกอากาศนี้สามารถนำไปใช้ดูแลและป้องกันกลุ่มเปราะบางให้ปราศจากเชื้อโรค สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมก้าวสู่สังคมสูงวัยและการดูแลผู้พิการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวว่า จากความร่วมมือขับเคลื่อนงานนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ นำนวัตกรรมเสริมพลังกลุ่มเปราะบางก้าวเข้าสู่วิถีชีวิตแบบ New Normal กรมกิจการผู้สูงอายุ และกรมกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ได้รับเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อใช้การดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและผู้พิการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเครื่องฟอกอากาศแบบผลิตออกซิเจนบวก-ลบ เป็นผลงานที่มีประโยชน์ยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เปราะบาง และในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ ขอขอบคุณสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ นายกสมาคมกีฬาเครื่องบินจำลองและวิทยุบังคับ รวมทั้งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนวัตกรรมดังกล่าว นำมาสู่การใช้ประโยชน์ในครั้งนี้

วช. เปิดตัวนวัตกรรม“สีย้อมอสุจิ บี อาร์”จากสารสกัดข้าวเหนียวดำ คว้ารางวัลการวิจัยแห่งชาติปี 64

วันที่ 27 กันยายน 2564 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดกิจกรรม NRCT Talk “เปิดบ้านงานวิจัยและนวัตกรรม By NRCT : รางวัลการวิจัยแห่งชาติ ครั้งที่ 9” โชว์สิ่งประดิษฐ์สีย้อมอสุจิ บี อาร์ จากสารสกัดข้าวเหนียวดำหนึ่งเดียวในโลก นวัตกรรมสำหรับผู้มีบุตรยาก ประยุกต์ใช้งานทางนิติวิทยาศาสตร์ ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ผลงานประดิษฐ์คิดค้น ระดับดี ประจำปี 2564 เผยช่วยลดต้นทุนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เพิ่มมูลค่าข้าวไทย

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัย กล่าวว่า กิจกรรมในครั้งนี้ วช.ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เป็นครั้งที่ 9 เพื่อเป็นการเชิดชูนักประดิษฐ์ที่สร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่า เป็นประโยชน์ต่อประเทศ สร้างแรงจูงใจ และกระตุ้นให้นักวิจัย นักประดิษฐ์เกิดการพัฒนาศักยภาพ และสมรรถนะการผลิตผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมที่มีคุณภาพ สามารถผลักดันการประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยในปี 2564 วช. ได้มอบรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประเภทผลงานประดิษฐ์คิดค้น ระดับดี สาขาการศึกษา ให้กับนวัตกรรม“สีย้อม บีอาร์”ของ ผศ.ดร.ฌลณต เกษตร อาจารย์ภาควิชาเทคนิคการแพทย์ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สำหรับนำไปใช้ตรวจอสุจิ สู่การแก้ไขปัญหาผู้มีบุตรยากและปัญหาอัตราการเกิดน้อย โดยใช้วัตถุดิบหลัก “ข้าวเหนียวดำ” นับเป็นผลงานที่มีคุณูปการต่อวงวิชาการ
สอดรับนโยบายของประเทศ และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

ผศ.ดร.ฌลณต เกษตร และผศ.ดร.สิรินารถ ชูเมียน นักวิจัยผู้คิดค้น เปิดเผยว่า การตรวจน้ำอสุจิในเพศชาย
เป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนวิชาจุลทรรศนศาสตร์ เป็นการคัดกรองเบื้องต้น เพื่อวิเคราะห์สภาวะการมีบุตรยากในเพศชาย ประเมินความสมบูรณ์ สัดส่วน รูปร่าง รวมถึงการเคลื่อนที่และจำนวนของอสุจิ ซึ่งจะต้องใช้สีย้อมในการตรวจดู แต่เนื่องจากสีย้อมนำเข้ามีราคาแพง ใช้งานยุ่งยาก และใช้เวลานาน ประกอบกับมีสารเคมีสังเคราะห์ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้เรียนหรือผู้ใช้งาน ดังนั้น จึงได้พัฒนาชุดสีย้อมอสุจิจากสารสกัดธรรมชาติขึ้น โดยเลือกใช้ข้าวเหนียวดำเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งหาได้ง่ายโดยทั่วไป มีความปลอดภัย ใช้งานง่าย และช่วยเพิ่มมูลค่าให้ข้าวไทยอีกทางหนึ่ง

การพัฒนาในครั้งนี้ยังเป็นการกระตุ้นการเรียนการสอนแบบ STEM ไปพร้อม ๆ กัน คือ การใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการสกัดสี (Science,Technology) การออกแบบเครื่องย้อมอัตโนมัติ(Engineering) และการคำนวณสารต่าง ๆ ที่ใช้ในการสกัด (Mathematics) เป็นการบูรณาการความรู้ของภาควิชาเทคนิคการแพทย์ ผลลัพธ์ คือ ได้นวัตกรรมชุดย้อมสีอสุจี บีอาร์ (Sperm BR staining kit) ที่มีราคาถูกกว่าสีเคมีสังเคราะห์ ปลอดภัย ไร้สารพิษตกค้าง โดยปัจจุบันนำไปประยุกต์ใช้ในศูนย์ผู้มีบุตรยากของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อวางแผนและรักษาชายที่มีภาวะมีบุตรยากได้ตรงจุด หรือใช้ในกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่ห้องปฏิบัติการเทคนิคการแพทย์โรงพยาบาลชลบุรี โดยใช้ย้อมตัวอย่างจากสำลีป้ายช่องคลอด กรณีผู้หญิงถูกกระทำชำเรา ซึ่งจะสามารถเป็นหลักฐานชี้ตัวผู้กระทำความผิดได้ จึงขอขอบคุณการสนับสนุนจาก วช. ในการพัฒนางานวิจัยในครั้งนี้

ท้ายที่สุด ทีมนักวิจัย สามารถคิดค้นสีย้อมอสุจิทดแทนการนำเข้าได้สำเร็จ และมีประสิทธิภาพสูงใกล้เคียงกับสีสังเคราะห์ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติและประเทศ ถือเป็นงานวิจัยแรกของโลกที่ใช้สารสกัดธรรมชาติจากข้าวเหนียวดำ ในอนาคตคาดว่า สีย้อม บีอาร์นี้จะมีความจำเป็นมากขึ้น เนื่องจากการตรวจอสุจิในประเทศไทยมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง และประชาชนมีความสนใจเพิ่มขึ้น โดยผู้ที่สนใจสามารถเดินทางเข้ามาตรวจได้ที่ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยขณะนี้มีความพร้อมพัฒนาและวิจัยร่วมกับภาครัฐหรือเอกชน อาทิ กรมการค้าระหว่างประเทศในการสร้าง Roadmap และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาสีย้อมให้เป็นรูปแบบผง เพื่อสะดวกในการใช้งาน ตอบโจทย์การผลิตเชิงพาณิชย์ พร้อมขยายการใช้งานไปสู่คลินิก หรือโรงพยาบาลในประเทศต่อไป

“โดยสารแอนโทรไซยานิน เป็นสารหลักที่สกัดได้จากเปลือกข้าวเหนียวดำ หรือแกลบ สามารถติดสีตัวอสุจิได้ดีที่สุด จึงใช้สารสกัดดังกล่าว ร่วมกับสารเพิ่มประจุบวก Potassium alum เพื่อไปจับกับสารพันธุกรรมประจุลบในนิวเคลียส วิธีการย้อม โดยนำน้ำอสุจิใส่ในภาชนะใช้แผ่นสไลด์จุ่ม รอให้แห้ง นำสีย้อมมาป้าย และส่องดูผ่านกล้องจุลทรรศน์ ถือว่าตอบโจทย์การแพทย์แม่นยำ สำหรับการตรวจระดับ DNA ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ โดยได้รับการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อย” ผศ.ดร.ฌลณต กล่าว

วช. – ศอ.บต. ลงนามความร่วมมือ “การขับเคลื่อนและเสริมสร้างความมั่นคงด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การขับเคลื่อนและเสริมสร้างความมั่นคงด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” และจัดกิจกรรมเสวนาเรื่อง “ทิศทางการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การขับเคลื่อนและเสริมสร้างความมั่นคงด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” และจัดกิจกรรมเสวนาเรื่อง “ทิศทางการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้”
เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึงความเป็นมาของโครงการวิจัยเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวถึงเป้าหมายและวัตถุประสงค์ความร่วมมือระหว่างสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีพันธกิจหลักที่สำคัญ ในการให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ และประเด็นยุทธศาสตร์ในเรื่องของการเสริมสร้างความเข้มแข็งของหน่วยงานในระบบวิจัยและพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยและนวัตกรรมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน เป็นหนึ่งในประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการใช้การวิจัยละพัฒนานวัตกรรมในการขับเคลื่อนประเทศไปตามเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติ อย่างมีการบูรณาการร่วมกัน ในวันนี้ วช. และ ศอ.บต. จึงได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนและเสริมสร้างความมั่นคงด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”

พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นเจ้าภาพหลักในการดูแลและบริหารจัดการ

ตามแผนการพัฒนาพื้นที่เพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ (พ.ศ. 2561 – 2564) ของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในยุทธศาสตร์ที่ 4 คือ ยุทธศาสตร์การพัฒนาองค์ความรู้การพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคง ในอันที่จะส่งเสริม สนับสนุนสถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ ในการดำเนินการศึกษา วิจัย พัฒนาองค์ความรู้
และถ่ายทอดความรู้การพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ แก่กลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ในส่วนของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ ถือเป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมมือกันระหว่าง สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยมีภารกิจและเป้าหมายร่วมกันอย่างสอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของทั้ง 2 หน่วยงาน”

การเสวนาในเรื่อง ทิศทางการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ “กินดี อยู่ได้ เข้าใจกัน”

นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาในเรื่อง ทิศทางการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ “กินดี อยู่ได้ เข้าใจกัน” โดยมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ราชอาณาจักรไทย (สมช.), พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และ ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ร่วมเวทีเสวนา

“พระท่ากระดาน 1 ใน 5 พระยอดขุนพล พระยอดนิยมของไทย”

พระท่ากระดานมีการค้นพบครั้งแรกที่จังหวัดกาญจนบุรี

จากหลายกรุ เจ้าของพระ อ.โกร่ง ศรีสวัสดิ์ กล่าวว่าพระท่า
กระดานตั้งตามชื่อวัดท่ากระดาน หรือวัดกลาง เป็นวัดเก่าแก่
และสำคัญของเมืองท่ากระดาน เมืองเดียวริมลำน้ำแควใหญ่
ที่มีความสำคัญสมัยกรุงศรีอยุธยา เคียงคู่กับเมืองกาญจนบุรี
และเมืองไทรโยคปัจจุบัน ซึ่งเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอ
ศรีสวัสดิ์ ที่มีวัดสำคัญอยู่ 3 วัดคือ วัดเหนือ(วัดบน)
วัดกลาง (วัดท่ากระดาน) และวัดล่าง โปรดติดตามได้ใน
อาทิตย์หน้า โทรสอบถาม อ.โกร่ง ศรีสวัสดิ์ เบอร์ 0909862595

ยกโรเมลู ลูกากู กองหน้าคนเก่งของ เชลซี มีฝีเท้าขึ้นชั้นระดับโลกไปแล้ว

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กล่าวยกย่อง “โรเมลู ลูกากู “กองหน้าคนเก่งของ เชลซี เป็นจอมถล่มประตูที่มีฝีเท้าขึ้นชั้นระดับโลกไปแล้ว

ส่วนโทมัส ทูเคิ่ล กุนซือเชลซีเอง ก็ชื่นชม โรเมลู ลูกากู เช่นกัน

ซึ่ง โทมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมเชลซี ออกมาชื่นชม โรเมลู ลูกากู ที่รักษาผลงานได้อย่างต่อเนื่องว่า “ผลงานของ โรเมลู ถือว่าไม่ง่ายเลย เราไม่ได้สร้างโอกาสให้กับเขามากนัก เราไม่ได้เปิดบอลมากนัก แต่เขาเป็นคนประเภทที่ไม่สูญเสียความมั่นใจและความเชื่อมั่น นั่นคือสาเหตุที่เขามาอยู่ที่นี่ และทำให้เขากลายเป็นกองหน้าระดับโลก”

“คุณไม่ค่อยได้เห็นกองหน้าที่มีคุณภาพแบบนั้น และคนที่ยิงประตูให้กับทีมอย่างสม่ำเสมอก็ถือว่ามีความสำคัญมาก ๆ เพราะว่าประตูได้เปลี่ยนแปลงโมเมนตั้มทั้งหมดของเกม มันได้ทำให้ทุกคนในทีมมีหลายอย่างให้เชื่อมั่นว่าบางครั้ง จังหวะครึ่ง ๆ กลาง ๆ แค่รอบเดียวก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะยิงประตู”

“และมันก็มีมากกว่าเรื่องพรสวรรค์ที่เขามอบให้กับทีม เพราะเขาเป็นคนที่มีความเชื่อมั่น เขาช่วยลดความกดดันให้กับนักเตะคนอื่น เขามีบุคลิกที่จะไม่ลนลาน หรือว่าสูญเสียความมั่นใจ” กุนซือเชลซี กล่าว

พบเห็นหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับหุ่นยนต์ในการ์ตูน”โมบิลสูทกันดั้ม”

กันดั้มที่โยโกฮามานี้เป็นหุ่นยนต์ที่มีขนาดเท่าของจริงตัวที่ 2 ในญี่ปุ่น โดยตัวแรกอยู่ที่โอไดบะ แต่อย่างไรก็ตาม กันดั้มที่โยโกฮามา มีความพิเศษมากกว่า เพราะว่ารุ่นนี้สามารถเคลื่อนไหวและขยับร่างกายได้นั่นเอง สร้างขึ้นที่ท่าเรือยามะชิตะในเมืองโยโกฮามะ ได้ทำการทดสอบการเคลื่อนไหวแล้วและคาดหมายว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไม่ช้า อย่างไรก็ตามกว่าที่แฟนๆจะได้ยลด้วยตาตัวเอง อาจต้องรอนานกว่ากำหนดการเดิมสักนิด ผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ในวิดีโอการทดสอบที่โพสต์บนทวิตเตอร์เมื่อวันจันทร์(21ก.ย.) ที่ผ่านมาพบเห็นหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกับหุ่นยนต์ในการ์ตูน”โมบิลสูทกันดั้ม” ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชุดแรกในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 กำลังเดิน, คุกเข่าและชูมือขึ้น

หุ่นยนต์ตัวนี้ซึ่งเริ่มสร้างมาตั้งแต่ 2014 มีความสูงเกือบ 60 ฟุต(18เมตร) และน้ำหนัก 24 ตัน ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆมากกว่า 200 ชิ้น ผสมผสานกันทั้งเหล็กและพลาสติกเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ จากข้อมูลของบริษัทผู้สร้าง

ทั้งนี้หุ่นยนต์มีกำหนดจัดแสดงที่โรงงานกันดั้มในโยโกฮามา โดยที่ผู้สร้างจะอนุญาตให้แฟนเข้าชมมันอย่างใกล้ชิด และเรียนรู้ถึงวิธีการสร้างมันขึ้นมา

โปรเจคนี้สร้างขึ้นมาเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปี ที่โมบิลสูทกันดั้ม ได้ออกอากาศทางโทรทัศน์ โดยเดิมทีมีกำหนดการเปิดให้เข้าชมในวันที่ 1 ตุลาคม 2020 แต่เนื่องจากสถานการณ์ของโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

กันดั้มที่โยโกฮามานี้เป็นหุ่นยนต์ที่มีขนาดเท่าของจริงตัวที่ 2 ในญี่ปุ่น โดยตัวแรกอยู่ที่โอไดบะ แต่อย่างไรก็ตาม กันดั้มที่โยโกฮามา มีความพิเศษมากกว่า เพราะว่ารุ่นนี้สามารถเคลื่อนไหวและขยับร่างกายได้นั่นเอง

รมว.ยุติธรรม มอบยาฟ้าทะลายโจร 2 ล้านเม็ด ให้ 2,000 หมู่บ้านกองทุนแม่ บรรเทาความเดือดร้อนโควิด

พร้อมจัด โครงการ “ฟ้าทะลายโจร ปลูกเดือนแม่ เก็บเดือนพ่อ” เชื่ออีกไม่นานมีมากพอช่วยประชาชนมั่นใจ หวังพัฒนาอาชีพป้องกันปัญหายาเสพติด

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานมอบฟ้าทะลายโจรแก่หมู่บ้านชุมชนกองทุนแม่ โครงการ “ฟ้าทะลายโจร ปลูกเดือนแม่ เก็บเดือนพ่อ” 2 ล้านเม็ด 2,000 หมู่บ้านชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน พร้อมด้วย นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายจักรพันธ์ พรนิมิตร นายประสิทธิ์ มะหะหมัด น.ส.พัชรินทร์ ซําศิริพงษ์ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ร่วมงาน โดยในช่วงแรก นายสมศักดิ์ และคณะได้เยี่ยมชมกระบวนการอัดเม็ดยาฟ้าทะลายโจร

นายวิชัย กล่าวรายงานว่า จากสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพและหารายได้ของประชาชนในหมู่บ้านชุมชน อาจก่อให้เกิดปัญหายาเสพติดตามมาได้ เพื่อเป็นการป้องกันผลกระทบดังกล่าว สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้ร่วมกับเครือข่ายหมู่บ้านชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินทั่วประเทศ จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน “ฟ้าทะลายโจร ปลูกเดือนแม่ เก็บเดือนพ่อ” ขึ้น เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยกำหนดปลูกต้นฟ้าทะลายโจรพร้อมกันในเดือน ส.ค. และเก็บพร้อมกันในเดือน ธ.ค. เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โครงการดังกล่าวได้ส่งเสริมองค์ความรู้ในการปลูกฟ้าทะลายโจร พร้อมวิธีการแปรรูปเพื่อนำมารักษาโรค ให้แก่สมาชิกหมู่บ้านชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินที่เข้าร่วมโครงการ 2,000 แห่งทั่วประเทศ

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญทั้งการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการป้องกันปัญหายาเสพติด เพราะเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในปัจจุบันอย่างสูง การส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้แก่หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศ ของ สำนักงาน ป.ป.ส. จะเป็นประโยชน์ต่อการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้หลายประการ เช่น การส่งเสริมอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อป้องกันการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด การส่งเสริมให้มีความมั่นคงด้านสุขภาพ บรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นจากการแพร่ระบาดของโควิดในหมู่บ้านชุมชน โดยตนได้มีนโยบายให้ ป.ป.ส. ดัดแปลงเครื่องอัดเม็ดยาในพิพิธภัณฑ์ของ ป.ป.ส. ที่ยึดได้จากผู้ค้ายาเสพติด มาแก้ไขทำความสะอาด เป็นเครื่องผลิตยาฟ้าทะลายโจรอัดเม็ดสำหรับรักษาโรค เพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้ทันสถานการณ์

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีหมู่บ้านชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดิน เข้าร่วมโครงการ 6,077 แห่ง จากทั้งหมด 24,455 แห่ง และได้ส่งเสริมให้ปลูกฟ้าทะลายโจรไปแล้ว 12 ล้านต้น ซึ่งในขณะนี้ ทาง ป.ป.ส. ได้ผลิตยาอัดเม็ดได้แล้ว 2 ล้านเม็ด และเมื่อฟ้าทะลายโจรที่เราปลูกพร้อมเก็บเกี่ยวเราจะมียามากพอให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ประกอบกับการที่รัฐบาลจะจัดหาวัคซีนได้เพียงพอกับประชาชน ตนหวังว่า เราจะสามารถร่วมกันฟันฝ่าวิกฤติการณ์ปัญหาโควิด-19 ได้ในเร็ววัน รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้แก่หมู่บ้านชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน

จากนั้นนายสมศักดิ์ได้มอบยาฟ้าทะลายโจรอัดเม็ดให้แก่ นายวิชัย เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหมู่บ้านชุมชนกองทุนแม่ของแผ่นดินทั่วประเทศ และมอบยาฟ้าทะลายโจรและต้นฟ้าทะลายโจรแก่ประธานเครือข่ายกองทุนแม่ของแผ่นดิน และ ส.ส. กทม. ทั้ง 4 ท่าน

โครงการ “ครัวปันอิ่ม” กับ CPF ร้อยเรียงใจ พันธมิตรจิตอาสา มอบอาหาร

เยาวชนจิตอาสา ร่วมสาน โครงการ “ครัวปันอิ่ม” กับ CPF ร้อยเรียงใจ พันธมิตรจิตอาสา มอบอาหารให้ชุมชนพุทธปัญญา

สมาคมเยาวชนจิตอาสาพัฒนา (องค์กรสาธารณประโยชน์) นำโดย ว่าที่ร้อยตรี ธนัท ชัชวาลย์ อุปนายกสมาคมฯ นายชุมสาย ศรียาภัย ที่ปรึกษาสมาคมฯ ครอบครัวแจ่มจำรัส คณะผู้ปกครองและเยาวชน พร้อมด้วยเครือข่ายจิตอาสา ร้านค้ารายย่อย จัดข้าวกล่องอุ่นร้อน เครื่องดื่ม ขนม นม น้ำส้มคั้น ถุงยังชีพ ร่วมสมทบกับคณะผู้บริหาร CPF นำโดย พี่ไก่ นิพนธ์ มุ่ยเรืองศรี เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับชุมชนบริเวณรอบๆ วัดพุทธปัญญา และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ณ วัดพุทธปัญญา จังหวัดนนทบุรี

ว่าที่ร้อยตรี ธนัท ชัชวาลย์ กล่าวว่า ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเริ่มคลี่คลาย ไปในทิศทางที่ดีขึ้น บางคนที่ไปฉีดวัคซีนถึง 2 เข็มแล้วก็ตาม ก็อย่าประมาทที่จะระมัดระวังตัวอย่างเคร่งครัดต่อไป โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เด็ก ผู้สูงอายุ และ มีโรคประจำตัว สมาคมเยาวชนจิตอาสาพัฒนา และเครือข่ายจิตอาสา พร้อมและยินดีลงพื้นที่ให้การสนับสนุน ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และเป็นกำลังใจให้เพื่อนพี่น้องทุกคนผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

ครัวปันอิ่ม #ซีพีร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด19 #ซีพีร้อยเรียงความดี #สมาคมเยาวชนจิตอาสาพัฒนา #จิตอาสา #จิตอาสาทำดีด้วยใจ

ณัฐชัย บุกทำเนียบยื่นหนังสือจี้ “นายก” สั่งการด่วน เร่งแก้ปัญหา

การรุกล้ำคลองสาธารณะและสิ่งแวดล้อม ในตำบลท้ายบ้าน
เมื่อวันที่ 23ก.ย. 64 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐชัย ศรีตั้งศิริกุล กรรมการบริษัทฟอกหนังไทยรุ่งเรือง จำกัด ยื่นหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ของรัฐบาล 1111สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

เพื่อขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ตรวจสอบและสั่งการด่วน กรณีการตรวจสอบพบการรุกล้ำแนวคลองสาธารณะเขตจากโรงงานฟอกหนังในพื้นที่ซอยเทศบาลบางปู 52

นายณัฐชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า “เมื่อวันที่12 กย.2564 ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และทีมงานลงพื้นที่ตรวจราชการ ประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำและปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ นั้น นายณัฐชัยได้พยายามยื่นหนังสือร้องเรียนให้กับนายกรัฐมนตรี แต่คณะผู้ติดตามมิให้ยื่นโดยตรง และให้ยื่นต่อเจ้าพนักงานศูนย์ดำรงธรรมที่ติดตามคณะแทน แต่เนื่องจากเคยยื่นเรื่องต่อกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่ พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 แล้ว แต่ตามขั้นตอนยังคงต้องผ่านจังหวัด อีกทั้งยังมีหนังสือตอบกลับจากทางจังหวัดมาว่า ไม่พบการขุดบ่อต่อท่อปล่อยน้ำเสียรุกล้ำที่ดินสาธารณะ แม้จะได้ทำการร้องเรียนอีกครั้งต่อเทศบาลตำบลบางปูโดยตรง แต่ยังติดขั้นตอนการรังวัด เหตุจากไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของที่ดินข้างเคียงซึ่งเป็นผู้รุกล้ำ และอยู่ระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา-19 ทำให้ต้องมีการเลื่อนการรังวัดออกไป
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา ทางนายณัฐชัย และสื่อมวลชน ร่วมสังเกตการณ์ ตรวจสอบระหว่างกองตรวจมลพิษกรมควบคุมมลพิษ และอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจากเทศบาลตำบลบางปูกรณีมีการนำกากอุตสาหกรรมปนเปื้อนสารเคมีฝังกลบพื้นที่ซอยเทศบาลบางปู และได้มีหนังสือตอบกลับไปในแนวทางเดียวกัน สรุปใจความได้ว่า การจัดการกากอุตสาหกรรมฟอกหนังในพื้นที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายจึงมีคำสั่งให้แก้ไข และยังมีผลการสำรวจคุณภาพน้ำแอ่งน้ำบริเวณใกล้เคียงระบบบำบัดน้ำเสีย ก่อนไหลลงสู่ทะเลซึ่งบริเวณนี้คือคลองตาแสงที่ถูกรุกล้ำซึ่งเป็นกรณีเดียวกันกับที่ได้ร้องเรียนข้างต้น พบว่าน้ำมีคุณภาพต่ำกว่าที่ควร ที่อาจได้รับการปนเปื้อนของเสียจากการประกอบกิจการอุตสาหกรรมฟอกหนังในพื้นที่

จึงเดินทางมายื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ของรัฐบาล 1111สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เรื่องดังกล่าวถึงนายกรัฐมาตรีโดยตรง เพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะคลองสาธารณะที่ได้ร้องเรียนนี้ สามารถนำไปช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ได้ และให้ท่านนายกรัฐมนตรี เร่งแก้ปัญหา ในการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างที่รุกล้ำลำน้ำสาธารณะเพื่อจัดระเบียบและพัฒนาที่อยู่อาศัยบริเวณชุมชนริมคลอง เปิดทางระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ป้องกันน้ำท่วม อันจะเป็นประโยชน์ทั้งเรื่อง สิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของชุมชนริมคลองได้เป็นอย่างดี

วช. จับมือ ม.มหิดล พัฒนาอาหารเสริมผู้สูงอายุ ให้คุณค่าสูงทางอาหารและช่วยป้องกันการสำลัก

จากปัญหาความเสื่อมสภาพของร่างกายทำให้ ่ผู้สูงอายุ’ เป็นกลุ่มวัยที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะขาดสารอาหาร โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านร่างกาย เช่น เกิดปัญหาในการเคี้ยวอาหารเพราะฟันไม่แข็งแรง ตุ่มรับรสบริเวณลิ้นทำงานได้ไม่ดี ทำให้รับประทานอาหารแล้วรู้สึกไม่อร่อย หรือด้านจิตใจที่รู้สึกเบื่อหน่าย วิตกกังวล ต้องเผชิญกับโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ความอยากอาหารลดลง จึงเกิดการเจ็บป่วยได้ง่ายเพราะร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากผลการศึกษาพบว่ากลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี หรือผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักจะประสบปัญหาการรับประทานอาหารที่มีโภชนาการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจจะนำไปสู่ภาวะของการขาดสารอาหาร หรือภาวะโภชนาการเกิน ประกอบกับผู้สูงอายุส่วนมากมักมีโรคประจำตัว ดังนั้น การได้รับอาหารบางอย่างมากเกินไป หรือน้อยเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงสำหรับผู้สูงอายุได้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยา วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ให้ความสำคัญกับโภชนาการผู้สูงอายุ ได้สนับสนุนทุนวิจัยแก่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาวิจัย“การพัฒนาอาหารเหลวทางการแพทย์จากวัตถุดิบธรรมชาติเพื่อเป็นอาหารเสริมสำเร็จรูปที่ให้สารอาหารสมบูรณ์สำหรับผู้สูงอายุ” โดย รศ.นพ.กรภัทร มยุรสาคร เป็นหัวหน้าโครงการ ผู้ร่วมวิจัยประกอบด้วย นางสาวพิชญ์นันท์ มงคลสุจริตกุล และนาวสาวบงกชพรรษ ปิ่นสวาสดิ์

รศ.นพ. กรภัทร มยุรสาคร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า ปัจจุบันประชากรผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และมักจะมีปัญหาสุขภาพตามมา เช่น ปัญหาด้านโภชนาการจึงทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยเสริมจากปัญหาความเสื่อมของร่างกายทำให้มีปัญหาในเรื่องการกลืนอาหารจึงทำให้เกิดการสำลัก แม้ในกลุ่มผู้สูงอายุที่คิดว่าตัวเองมีสุขภาพดีแต่เมื่อทดสอบด้วยการส่องกล้องจะพบว่ามีการรั่วไหลของอาหารที่รับประทานลงไปสู่หลอดลม และอาจจะมีจำนวนมากกว่าร้อยละ 50 ของผู้สูงอายุทั่วไปที่มีอาการเหล่านี้ ดังนั้น โครงการฯ จึงได้พัฒาอาหารสำเร็จรูปสำหรับผู้สูงอายุที่ให้สารอาหารครบถ้วน มีความข้นหนืดมากกว่าอาหารน้ำทั่วไปเพื่อป้องกันการสำลัก มีรสชาติถูกปากคนไทย เพราะผลิตจากวัตถุดิบที่หาได้ในประเทศ เช่น ถั่วเหลือง ไข่ เนื้อไก่ เห็ด งาดำ งาขาว ในการรับประทานก็ไม่ต้องจัดเตรียมที่ยุ่งยาก สะดวกและง่ายต่อการพกพา เพราะเป็นอาหารสำเร็จบรรจุในซอง เพียงฉีกซองใช้หลอดดูดก็สามารถรับประทานได้ทันที รูปแบบของอาหารจะคล้ายสมูทตี้ ลักษณะของตัวเนื้ออาหารจะมีความข้นหนืด สามารถช่วยชะลอการไหลลงหลอดลมได้มากกว่ากว่าอาหารเหลวที่มีอยู่ทั่วไปในท้องตลาด ให้คุณค่าทางครบ 5 หมู่ มีโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตต่ำ ผู้สูงอายุทั่วไปสามารถรับประทานได้ เพื่อเสริมสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับอาหารบางสูตร เช่น สูตรถั่วเหลืองผสมงาขาว และสูตรถั่วเหลืองผสมงาดำ นอกจากจะมีโปรตีนสูงแล้ว ยังมีปริมาณน้ำตาลต่ำ ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานก็สามารถรับประทานได้ จากการทำการวิจัยโดยเชิญอาสาสมัครผู้สูงอายุมาทำสอบรับประทานอาหารสูตรต่างๆ ที่ผลิตขึ้น แล้วส่องกล้องเพื่อดูประสิทธิภาพในการกลืน พบว่าผู้สูงอายุมีความพึงพอใจอยู่ในระดับเดียวกับอาหารทางการแพทย์ที่ขายในท้องตลาด แต่จากลักษณะเนื้ออาหารที่มีความข้นหนืด สามารถช่วยชะลอการไหลลงหลอดลมได้มากกว่าอาหรที่เหลวโดยทั่วไป ปัจจุบันผลิตออกมา 4 สูตร ขนาด 180 มิลลิลิตร เป็นทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน คือ สูตรถั่วเหลืองผสมงาขาว ถั่วเหลือผสมงาดำ และซุปไก่เห็ดชิตาเกะ (เห็ดหอม) คาดว่าจะเริ่มออกจำหน่ายได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ ระยะแรกในจำหน่ายในโรงพยาบาลและผ่านทางระบบออนไลน์