รมว.ยุติธรรม เร่งราชทัณฑ์ติดตามวัคซีนผู้ต้องขังหลังกรมควบคุมโรคส่งให้เดือนนี้ 240,000 โดส

พร้อมโชว์ยาฟ้าทะลายโจรมีสำรองให้นักโทษคนละ 64 เม็ด สำรองส่วนกลาง 2 ล้านแคปซูล

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ผ่านระบบคอนเฟอร์เรนซ์ โดยมี ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อม ผู้บริหารจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ระบาด ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำ ซึ่งที่ผ่านมาตนขอขอบคุณบริษัทต่าง ๆ ที่ให้การช่วยเหลือในการบริจาคยาฟ้าทะลายโจร หน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ ส่งผลให้สถานการณ์โควิดในเรือนจำดีขึ้นอย่างมากไม่พบการแพร่ระบาดในเรือนจำ 114 แห่ง มีนักโทษติดโควิดได้รับการรักษาจนหาย กว่า 59,119 ราย ส่วนกรมควบคุมโรคพร้อมสนับสนุนวัคซีนซิโนแวคเข็มแรกให้ผู้ต้องขัง 240,000 โดสที่ส่งให้เราภายในเดือนนี้ และวัคซีนเข็มที่สองจะมาภายในเดือนหน้าต่อทันที ต้องประสานให้จบภายในเดือนตุลาคม ซึ่งขณะนี้มีเรือนจำที่ยังไม่ได้ฉีด 47 แห่ง ผู้ต้องขัง 162,550 คน ทั้งนี้ ตนยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ดูแลผู้ต้องขังทุกคนตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งผู้ต้องขังจะต้องได้รับวัคซีนครบทั้งสองเข็มโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ญาติพี่น้องเกิดความสบายใจต่อการดูแลของกรมราชทัณฑ์

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายสำรองยาฟ้าทะลายโจร 50 เม็ด ต่อผู้ต้องขัง 1 คน ขณะนี้เรือนจำต่าง ๆ มียาสำรองครอบคลุมทุกแห่งแล้วเฉลี่ย 64 แคปซูลต่อคน ซึ่งยาฟ้าทะลายโจรในสต็อกสำรองของเรือนจำทั่วประเทศมีอยู่ 18.6 ล้านแคปซูล ส่วนสำรองส่วนกลางมีอยู่ 2 ล้านแคปซูล อีกเรื่องคือ งบค่าอาหารผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งยังค้างผู้ส่งอาหาร 2-3 พันล้านบาท ตนได้หารือกับผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ที่ให้เราทำเรื่องของบกลาง ขอให้เราช่วยกันติดตามเรื่องด้วย เพราะหากผู้ส่งไม่ส่งอาหารให้เรือนจำ ผู้ต้องขังไม่มีอาหารกิน กลัวจะยุ่งเกิดความวุ่นวายได้ ขอให้ข้าราชการใส่ใจ ทำกระบวนการต่างๆให้รวดเร็ว

ร้าน”เชฟคำมูล”สาขา 2 แจกข้าวกล่องช่วยเหลือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19

วันอังคารที่ 21 ก.ย 64 เวลา 11.00 น.ที่ ร้าน”เชฟคำมูล”สาขา 2 ที่อาคาร เมืองไทยภัทร คอมเพล็กซ์ ถ.รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กทม.นายโชคภิวัสร์ เลิศสุรสีห์(พญาต่อ) นายกสมาคมสื่อมวลชน ดิจิทัล พร้อมด้วยนายจิรวัฒน์ รุ่งอัครเศรษฐี(เชฟคำมูล) ดร.พีรวัฒน์-ดร.ธัชวิน สุรเศรษฐ

ประธาน กต.ตร.กทม.(ภาคประชาชน)ประธาน กต.ตร.บก.น.1,ประธาน
กต.ตร.บก.สายตรวจและปฏิบัติการ
ประธาน.กต.ตร.สน.ชนะสงคราม และรองประธานที่ปรึกษากองบัญชาการตำรวจท่อง
เที่ยว

ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลยังประกาศล็อกดาวน์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และยังมีผู้ติดเชื้ออยู่จำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนธุรกิจและปัญหาการดำเนินชีวิตในกลุ่มของ”พญาต่อ” จึงได้มาร่วมกันแจกข้าวกล่องที่อาคารเมืองไทยภัทร คอมเพล็กซ์ แต่เวลา 11 โมงเป็นต้นไป โดยมีเงื่อนไข ประชาชนคนทั่วไปสามารถมารับข้าวกล่องได้หนึ่งคนต่อหนึ่งกล่อง

ดังนั้น”นายโชคภิวัสร์(พญาต่อ)และนายจิรวัฒน์(เชฟคำมูล)ดร.พีรวัฒน์-ดร.ธัชวิน สุรเศรษฐ จึงอยากจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 เพื่อให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

41 CEO จับมือร่วมแคมเปญประวัติศาสตร์ “รวมพลังลดใหญ่ พาไทยฝ่าวิกฤต”


ส่งสินค้ากว่า 400 รายการ ลดราคาสูงสุดกว่า 60% ลดค่าครองชีพจากผลกระทบโควิด-19
21 กันยายน 2564 – โลตัส จับมือพันธมิตรคู่ค้า 40 บริษัทผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ดังและธุรกิจชั้นนำในประเทศ ส่งแคมเปญประวัติศาสตร์ “รวมพลังลดใหญ่ พาไทยฝ่าวิกฤต” ช่วยบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ที่สุดแห่งปี 2021 ตอกย้ำความร่วมมือและความมุ่งมั่นของทุกแบรนด์ในการช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน อีกทั้งร่วมกันมอบเงินบริจาคสนับสนุนบุคลากรด่านหน้าและผู้ป่วยโควิด-19
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า “ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยส่งผลให้ลูกค้าและประชาชนต้องรัดเข็มขัดเนื่องจากครอบครัวมีรายได้ลดลง ที่ผ่านมาโลตัสก็ได้ช่วยเหลือลูกค้าในการประหยัดค่าครองชีพโดยมีการทำโปรโมชั่นและลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพมาโดยตลอด วันนี้เรามีความยินดีที่ได้ผนึกกำลังกับคู่ค้าของเราจาก 40 บริษัทชั้นนำของประเทศไทย ทั้งผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ดัง ร้านอาหารและร้านค้าในพื้นที่ศูนย์การค้า ในแคมเปญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี “รวมพลังลดใหญ่ พาไทยฝ่าวิกฤต” ลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในบ้าน เสื้อผ้า กว่า 400 รายการ เพื่อช่วยคนไทยประหยัดค่าครองชีพ ความร่วมมือในครั้งนี้แสดงออกถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของทั้ง 41 บริษัท ในการร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อช่วยพี่น้องประชาชนให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน นอกจากโปรโมชั่นและการลดราคาสินค้าแล้ว แคมเปญ “รวมพลังลดใหญ่ พาไทยฝ่าวิกฤต” ยังรวมพลังโลตัสและพันธมิตรมอบเงินบริจาคให้กับมูลนิธิที่สนับสนุนบุคลากรด่านหน้าและผู้ป่วยโควิด-19 อีกด้วย”

CEO ของทั้ง 41 บริษัทได้ร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ผ่านการประชุมทางออนไลน์เพื่อยืนยันความร่วมมือในแคมเปญนี้ ประกอบด้วย โลตัส บริษัท เบเบโฟน, เบอร์ลี่ ยุคเกอร์, บุญรอด, บี-ควิก, คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ, ซีพี-เมจิ, ซีพีเอฟ, แดรี่ พลัส, แดรี่ ควีน, ดีเอสจี, ดังกิ้น โดนัท, ฟรีสแลนด์คัมพิน่า เฟรช, กรีนสปอต, อิชิตัน, ไอ.พี. วัน, จาโกต้า, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, คาโอ, เคเอฟซี, คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค, ลอรีอัล, โลตัส, มาลี, แม็คยีนส์, มิสเตอร์โดนัท, โมเดิร์นเทรด แมนเนจเม้นท์, นีโอ, เนสท์เล่, โอเรียนทอล พริ้นเซส, โอสถสภา, พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล, เป็ปซี่-โคล่า, เรกคิทท์ เบนคีเซอร์, สหพัฒนพิบูล, ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค, ไทยน้ำทิพย์, ซัมซุง, แว่นท็อปเจริญ, ยูนิ.ชาร์ม, ยูนิลีเวอร์, และ ยาโยอิ
“ผมขอขอบคุณพันธมิตรคู่ค้าทุกบริษัทที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนแคมเปญนี้ เพื่อร่วมกันพาพี่น้องประชาชนผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน” นายสมพงษ์ กล่าวสรุป
นายธนพันธุ์ คงนันทะ กรรมการบริหาร บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แคมเปญรวมพลังลดใหญ่ พาไทยฝ่าวิกฤต มีความเป็นรูปธรรมจับต้องได้ในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของคนไทยในช่วงที่ยากลำบาก อิชิตันจะให้ความร่วมมือเต็มที่เพื่อให้คนไทยทุกท่านมั่นใจว่าทุกครั้งที่มาที่โลตัสจะได้เจอกับสินค้าคุณภาพดีและราคาที่คุ้มค่าที่สุด เราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน”
นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สหพัฒน์ในฐานะผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เราตระหนักถึงความจำเป็นของผู้บริโภคในช่วงนี้ เรามีสินค้าที่ร่วมรายการหลากหลายประเภท ซึ่งล้วนเป็นสินค้าที่จำเป็น เพื่อช่วยลดค่าครองชีพของผู้บริโภค นอกจากสินค้าที่จำเป็น อาทิ มาม่า และน้ำตาลมิตรผล เราก็จะจัดเตรียมสินค้าให้มีเพียงพอในช่วงวิกฤตนี้ เราจะอยู่คู่คนไทย และร่วมมือไปด้วยกัน”
นายฤทธิ์ ธีระโกเมน ประธานกรรมการและเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสเตอรองค์กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ทางกลุ่มร้านอาหารเอ็มเค และโลตัส ทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนานกว่า 25 ปี ทุกครั้งที่มีวิกฤต เราร่วมมือกันมาเสมอ และครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราทำร่วมกันเพื่อทำให้กับสังคม โลตัสเป็นผู้นำเสมอและกลุ่มร้านอาหารเอ็มเค ก็จะเป็นพันธมิตรในทุกๆครั้ง และครั้งนี้เรามีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าโลตัส เช่นกัน นอกจากนั้นเรายังให้ความสำคัญในเรื่องความสะอาด และความปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ทุกครั้งที่มารับประทาน ในกลุ่มร้านอาหารทั้งหมดของเรากว่า 700 สาขา ในวันนี้เรามีเจตนารมณ์ร่วมกัน ในการช่วยคนไทยในเวลาที่ยากลำบาก ณ ขณะนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเราจะสามารถต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปได้ด้วยกัน”
แคมเปญ “รวมพลังลดใหญ่ พาไทยฝ่าวิกฤต” รวบรวมสินค้ากว่า 400 รายการ ลดราคาสูงสุดมากกว่า 60% ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน ถึง 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 อาทิ ซีพี ไส้กรอกไก่ชิคเก้นแฟรงค์, โออิชิกรีนที, เบบี้มายด์ น้ำยาซักผ้าเด็ก, เดทตอลเจลอาบน้ำ, พฤกษานกแก้วสบู่เหลว, ไฟน์ไลน์น้ำยาซักผ้า, แอทแทค 3D ผงซักฟอก, แว่นตา Percy พร้อมเลนส์บลูคัท, หูฟังแบบครอบหูไร้สาย, และ ซัมซุงสมาร์ททีวี ลูกค้าและประชาชนสามารถซื้อสินค้าที่ร่วมรายการได้ที่โลตัส ทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ โลตัส มอบความคุ้มค่าต่อที่สองด้วยการมอบแต้มบัตรสมาชิกโลตัส 2 เท่าสำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ พร้อมรับสิทธิพิเศษจากร้านอาหารร้านค้าในพื้นที่มอลล์อีกด้วย

ต่อมา พ.ศ.2495 ได้มีการขุดค้นหาโบราณวัตถุกันเป็นการใหญ่ และได้พบพระพิมพ์เนื้อตะกั่วสนิมแดงที่วัดทั้งสามเป็นจำนวนมาก

สำหรับประวัติ “วัดท่ากระดาน” ตั้งอยู่ใน ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันเป็นวัดร้าง เป็นสถานที่อยู่บริเวณหน้าถ้ำทางตอนเหนือของเมืองท่ากระดานเก่าขึ้นไปตามลำน้ำซึ่งเดิมเป็นวัดเก่าแก่ เนื่องจากมีศาสนวัตถุที่ปรักหักพังและพระเจดีย์เป็นจำนวนมาก และจากวัตถุโบราณที่พบเช่น บาตรขนาดเขื่อง เตาดินเก่าๆหลายเตา ที่สำคัญ คือ ปรากฏมีสนิมแดงตกอยู่เรี่ยราดบริเวณเตาและพบพระท่ากระดานทุกๆ พิมพ์อีกด้วย เป็นแหล่งสร้างพระท่ากระดาน เมืองท่ากระดานมีวัดสำคัญ 3 วัด คือ วัดเหนือ (วัดบน)วัดกลาง (ปัจจุบันชื่อ วัดท่ากระดาน) และวัดล่าง
วัดท่ากระดาน หรือ วัดกลาง อันเป็นวัดสำคัญ 1 ใน 3 วัดของ “เมืองท่ากระดาน” เมืองเก่าแก่เมืองเดียวริมแม่น้ำแควใหญ่ที่มีความสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยาเคียงคู่กับเมืองกาญจนบุรีเก่าและเมืองไทรโยค คือ เป็นเมืองที่มีเจ้าปกครอง อีกทั้งเป็นเมืองหน้าด่านที่ต้องสู้รบกับกองทัพพม่าที่ยกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ในทุกคราว แต่ปัจจุบันลักษณะสภาพทางภูมิศาสตร์ จึงถูกยุบเป็นกิ่งอำเภอเมื่อ พ.ศ.2438

และลดฐานะเป็นหมู่บ้านชื่อ “บ้านท่ากระดาน” ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนท่ากระดาน และตำบล อยู่ในเขตการปกครองของ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี

ต่อมา พ.ศ.2495 ได้มีการขุดค้นหาโบราณวัตถุกันเป็นการใหญ่ และได้พบพระพิมพ์เนื้อตะกั่วสนิมแดงที่วัดทั้งสามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่วัดกลางซึ่งเรียกชื่อเต็มว่า “วัดท่ากระดาน” นั้นได้ปรากฏพระพิมพ์เนื้อตะกั่วสนิมแดงที่สนิมแดงงามจัดและปิดทองมาแต่ในกรุทุกองค์ กอปรกับวัดนี้ตั้งอยู่ในส่วนกลางของเมืองท่ากระดานเก่าพอดี ชาวบ้านจึงเห็นเหมาะสมควรเรียกพระพิมพ์นี้ตามชื่อวัด ว่า”พระท่ากระดาน” นั่นเอง

รมว.ยุติธรรม เล็งผลักดันกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจ

ชี้ในอนาคตจะเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ ยุโรป-อเมริกานิยมทำเป็นยา เตรียมจัดเสวนา “พืชกระท่อมไทยไปตลาดโลก”หวังช่วยประชาสัมพันธ์สร้างโอกาสด้านเศรษฐกิจ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวในรายการคมชัดลึก หัวข้อพืชเศรษฐกิจกระท่อมใครได้ประโยชน์ว่า ตนไม่อยากให้พี่น้องเกษตรกรปลูกแต่พืชเดิมๆขาย พืชกระท่อมถือเป็นพืชทางเลือกใหม่แก่ประชาชน ตนจึงผลักดันให้กระท่อมถูกกฎหมายเพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจได้สมใจแล้วอย่างเสรี เมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนผู้ที่เคยต้องคดีกระท่อมพ้นผิดหมดแล้วในทุกระบวนการ กระทั่งใครมีหมายศาลก็ต้องมีคำสั่งให้ปล่อยตัวทันที และยังช่วยให้ระบบสังคมดีขึ้นคนพ้นผิดกลับไปหาครอบครัวได้แล้ว ทั้งนี้ พืชกระท่อมยังจะเป็นสินค้าส่งออกทำกำไรมหาศาลได้ถ้าส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น แถบยุโรป อเมริกา พืชกระท่อมชอบอากาศร้อนชื้น ไม่ชอบอาการหนาวซึ่งจะผลัดใบหมด เขาจึงปลูกไม่ได้แบบบ้านเราเพราะสภาพอากาศ ในต่างประเทศกระท่อมถูกนำไปบริโภคเพื่อบำรุงรักษาร่างกาย นอกจากนี้ คนที่ติดยาบ้าเราเตรียมจะให้เลิกยาโดยให้กินกระท่อมแทนด้วยซึ่งอยู่ระหว่างวิจัย ซึ่งในอเมริกา นำไปช่วยผู้ติดยาแล้ว แก้โรคซึมเศร้า แก้โรคเบาหวาน แก้อาการปวดต่าง ๆ ลดอาการได้ถึง 5-8 เท่า ดีกว่ามอร์ฟีนด้วยซ้ำ

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การซื้อขายใบกระท่อมสด ๆ นั้น สามารถทำได้เพราะถูกกฎหมายแล้ว แต่ถ้านำไปผลิตเป็นแคปซูลก็ไม่ผิดกฎหมายแต่ต้องไปขออนุญาต อย. หรือการนำไปบรรจุขวดตีตรายี่ห้อเพื่อจำหน่ายก็ต้องขออนุญาตจากอย. กฎหมายอื่นยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง เราส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกขายเต็มที่เพราะคนเหล่านี้มีองค์ความรู้มากกว่าฝ่ายราชการที่ทิ้งร้างมากว่า 78 ปี โดยการนำกระท่อมไปผลิตเป็นสี่คูณร้อย ตนไม่เห็นด้วยและอยากเตือนให้ช่วยกันห้ามปราม เพราะจะทำให้พืชกระท่อมมีปัญหาได้ในภายหลัง อยากให้กระท่อมเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะกว่าจะผลักดันให้กระท่อมถูกกฎหมายได้ค่อนข้างยากลำบาก ทั้งนี้ในวันที่ 20 ก.ย. ทางสำนักงาน ป.ป.ส.จะจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ “พืชกระท่อมไทยไปตลาดโลก” เพื่อประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับกฎหมาย และสร้างโอกาสด้านเศรษฐกิจของพืชกระท่อม

“เมืองท่ากระดาน” เมืองเก่าแก่

สำหรับประวัติ “วัดท่ากระดาน” ตั้งอยู่ใน ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันเป็นวัดร้าง เป็นสถานที่อยู่บริเวณหน้าถ้ำทางตอนเหนือของเมืองท่ากระดานเก่าขึ้นไปตามลำน้ำซึ่งเดิมเป็นวัดเก่าแก่ เนื่องจากมีศาสนวัตถุที่ปรักหักพังและพระเจดีย์เป็นจำนวนมาก และจากวัตถุโบราณที่พบเช่น บาตรขนาดเขื่อง เตาดินเก่าๆหลายเตา ที่สำคัญ คือ ปรากฏมีสนิมแดงตกอยู่เรี่ยราดบริเวณเตาและพบพระท่ากระดานทุกๆ พิมพ์อีกด้วย เป็นแหล่งสร้างพระท่ากระดาน เมืองท่ากระดานมีวัดสำคัญ 3 วัด คือ วัดเหนือ (วัดบน)วัดกลาง (ปัจจุบันชื่อ วัดท่ากระดาน) และวัดล่าง
วัดท่ากระดาน หรือ วัดกลาง อันเป็นวัดสำคัญ 1 ใน 3 วัดของ “เมืองท่ากระดาน” เมืองเก่าแก่เมืองเดียวริมแม่น้ำแควใหญ่ที่มีความสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยาเคียงคู่กับเมืองกาญจนบุรีเก่าและเมืองไทรโยค คือ เป็นเมืองที่มีเจ้าปกครอง อีกทั้งเป็นเมืองหน้าด่านที่ต้องสู้รบกับกองทัพพม่าที่ยกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ในทุกคราว แต่ปัจจุบันลักษณะสภาพทางภูมิศาสตร์ จึงถูกยุบเป็นกิ่งอำเภอเมื่อ พ.ศ.2438 และลดฐานะเป็นหมู่บ้านชื่อ “บ้านท่ากระดาน” ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนท่ากระดาน และตำบล อยู่ในเขตการปกครองของ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี

ต่อมา พ.ศ.2495 ได้มีการขุดค้นหาโบราณวัตถุกันเป็นการใหญ่ และได้พบพระพิมพ์เนื้อตะกั่วสนิมแดงที่วัดทั้งสามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่วัดกลางซึ่งเรียกชื่อเต็มว่า “วัดท่ากระดาน” นั้นได้ปรากฏพระพิมพ์เนื้อตะกั่วสนิมแดงที่สนิมแดงงามจัดและปิดทองมาแต่ในกรุทุกองค์ กอปรกับวัดนี้ตั้งอยู่ในส่วนกลางของเมืองท่ากระดานเก่าพอดี ชาวบ้านจึงเห็นเหมาะสมควรศึกษา”พระท่ากระดาน” ก็คือ สภาพสนิมไขสนิมแดง และรักเก่า ทองเก่า นั้นเอง

“วศิน วรรณพฤกษ์“ กับรางวัล “คนต้นแบบคมนาคม” ประจำปี 2564 ชีวิตที่ยืนหยัดกับคำว่า ซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส

กระทรวงคมนาคม ถือเป็นหน่วยงานของภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับหลักการธรรมาภิบาล การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ และมุ่งเน้นปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ให้แก่บุคลากรในสังกัดมาโดยตลอด

วศิน วรรณพฤกษ์

ในแต่ละปีกระทรวงคมนาคมจะดำเนินการพิจารณาค้นหาบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆในสังกัดที่ประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส และมีคุณธรรมเป็น “คนต้นแบบคมนาคม” เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตยืนหยัดบนความถูกต้อง รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่บุคลากรในสังกัดกระทรงคมนาคมได้ยึดเป็นแบบอย่าง ปลุกจิตสำนึกให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต

โดยในปี 2564 ผลการพิจารณาจากคณะกรรมการปรากฏว่าคุณวศิน วรรณพฤกษ์ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกพิจารณาคัดเลือกให้รับรางวัล “คนต้นแบบคมนาคม” ประจำปี 2564

คุณวศิน เปิดเผยว่าตนเองรู้สึกยินดี และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับรางวัลในครั้งนี้ และขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม หน่วยงานต้นสังกัด และคุณแม่ ที่มีส่วนสำคัญให้ตนเองดำเนินชีวิต และปฏิบัติหน้าที่ต่างๆด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมาตลอด

“ผมต้องขอบคุณ กระทรวงคมนาคม , บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และ ผศ.เสริมสุข วรรณพฤกษ์ มารดา ซึ่งเป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิต มองโลกในแง่ดีประพฤติตนเป็นคนดีของ ไม่สร้างปัญหาให้สังคม ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม มีระเบียบวินัย ขยัน สุภาพ และ อดทน”

“นอกจากนี้ คุณแม่ยังสอนให้รู้จักเสียสละ มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ถ้ามีเหลือแบ่งให้คนรอบข้าง”

สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนในการใช้ชีวิตและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่เพียงแค่รางวัล“คนต้นแบบคมนาคม” เท่านั้น เพราะตลอดปี 2564 ที่ผ่านมาคุณวศินยังได้รับรางวัลต่างๆมากมายจากหลายหน่วยงานด้วยกัน

“ตลอดปี 2564 ที่ผ่านมานี้ได้รับเกียรติรับรางวัลเกียรติยศ เกียรติบัตร และเข็มเขิดชูเกียรติหลากหลายสาขา อย่างเช่น

รางวัลธรรมาภิบาลสิงห์ทอง สาขาผู้บริหารและพัฒนาองค์กรดีเด่น จาก ฯพณฯ นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9 และ ฯพณฯ พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9 จัดโดยสมัชชานักจัดรายการข่าววิทยุโทรทัศน์หนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ มูลนิธิสร้างสรรค์สังคมไทย

เกียรติบัตรและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “ปราบไพรีอริยศัตรูพ่ายกิตติมศักดิ์” โดยผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 

เกียรติบัตรและเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ “นักเหินเวหากิตติมศักดิ์” ของกองทัพอากาศ

เกียรติบัตรยกย่องเชิดชูเกียรติในฐานะที่อุทิศตนทำคุณประโยช์ต่อสังคม จาก สหพันธ์ รักสันติภาพ สหประชาชาติ (UNPKFC) United Nations Peace Keepers Federal Council.

เข็มวิทยฐานะ และ ประกาศนียบัตรหลักสูตร“นักบริหารงานประชาสัมพันธ์ระดับสูง”รุ่นที่ 61 : การบริหารงานประชาสัมพันธ์ยุค New Normal จากสถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี

“คนต้นแบบคมนาคม”ประจำปี 2564 ทิ้งท้ายว่าจะคงยืนหยัดกับคำว่า ซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ในการใช้ชีวิตและปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อให้สมกับรางวัลที่ได้รับ และจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมการสร้างคุณธรรม จริยธรมเป็นให้แก่บุคลากรข้าราชการและพนักงานของรัฐต่อไป

ผอ.อาร์ต รถไฟฟ้า ปฏิบัติงานจิตอาสาหลักสูตรสภาสหพันธ์ รักษาสันติภาพสหประชาชาติ และได้รับใบประกาศนียบัตร


นายวศิน วรรณพฤกษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจองค์กร บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ปฏิบัติงานจิตอาสาและได้รับใบประกาศนียบัตรหลักสูตรสภาสหพันธ์ รักษาสันติภาพสหประชาชาติ (UNPKFC) United Nations Peace Keepers Federal Council. องค์กรระดับโลกที่มีจุดมุ่งหมายการทำงานเพื่อมนุษยธรรม และผู้ที่ยังคงนำความช่วยเหลือ และการบรรเทาทุกข์ให้กับคนนับล้าน นอกจากนี้เพื่อสร้างการตระหนักถึงความต้องการการสนับสนุนการทำงานด้านมนุษยธรรมทั่วโลก

รถไฟฟ้าสายสีแดง

และความสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศในการให้ความช่วยเหลือเหล่านั้นเพียงพอ และวันนี้ องค์กร UNPKFC โดยร่วมมือกับภาคีเครือข่ายระหว่างประเทศ และได้ประกาศวันที่ 19 ส.ค. เป็นวันมนุษยธรรมโลก (World Humanitarian Day) ตามที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่ 19 สิงหาคมเป็นวันมนุษยธรรมทั่วโลกในปี 2551 (2008)

พระท่ากระดาน พิมพ์เล็กกรุเก่า ศรีสวัสดิ์ สนิมแดง หายากสุดๆ

อ.โกร่ง ศรีสวัสดิ์ เจ้าของพระ

สำหรับประวัติ “วัดท่ากระดาน” ตั้งอยู่ใน ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันเป็นวัดร้าง เป็นสถานที่อยู่บริเวณหน้าถ้ำทางตอนเหนือของเมืองท่ากระดานเก่าขึ้นไปตามลำน้ำซึ่งเดิมเป็นวัดเก่าแก่ เนื่องจากมีศาสนวัตถุที่ปรักหักพังและพระเจดีย์เป็นจำนวนมาก และจากวัตถุโบราณที่พบเช่น บาตรขนาดเขื่อง เตาดินเก่าๆหลายเตา ที่สำคัญ คือ ปรากฏมีสนิมแดงตกอยู่เรี่ยราดบริเวณเตาและพบพระท่ากระดานทุกๆ พิมพ์อีกด้วย เป็นแหล่งสร้างพระท่ากระดาน เมืองท่ากระดานมีวัดสำคัญ 3 วัด คือ วัดเหนือ (วัดบน)วัดกลาง (ปัจจุบันชื่อ วัดท่ากระดาน) และวัดล่าง
วัดท่ากระดาน หรือ วัดกลาง อันเป็นวัดสำคัญ 1 ใน 3 วัดของ “เมืองท่ากระดาน” เมืองเก่าแก่เมืองเดียวริมแม่น้ำแควใหญ่ที่มีความสำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยาเคียงคู่กับเมืองกาญจนบุรีเก่าและเมืองไทรโยค คือ เป็นเมืองที่มีเจ้าปกครอง อีกทั้งเป็นเมืองหน้าด่านที่ต้องสู้รบกับกองทัพพม่าที่ยกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ในทุกคราว แต่ปัจจุบันลักษณะสภาพทางภูมิศาสตร์ จึงถูกยุบเป็นกิ่งอำเภอเมื่อ พ.ศ.2438 และลดฐานะเป็นหมู่บ้านชื่อ “บ้านท่ากระดาน” ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานศึกษา โรงเรียนชุมชนท่ากระดาน และตำบล อยู่ในเขตการปกครองของ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
ต่อมา พ.ศ.2495

ได้มีการขุดค้นหาโบราณวัตถุกันเป็นการใหญ่ และได้พบพระพิมพ์เนื้อตะกั่วสนิมแดงที่วัดทั้งสามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่วัดกลางซึ่งเรียกชื่อเต็มว่า “วัดท่ากระดาน” นั้นได้ปรากฏพระพิมพ์เนื้อตะกั่วสนิมแดงที่สนิมแดงงามจัดและปิดทองมาแต่ในกรุทุกองค์ กอปรกับวัดนี้ตั้งอยู่ในส่วนกลางของเมืองท่ากระดานเก่าพอดี ชาวบ้านจึงเห็นเหมาะสมควรเรียกพระพิมพ์นี้ตามชื่อวัด ว่า”พระท่ากระดาน” นั่นเอง

DEPA และ สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ตอกย้ำความสำคัญในการสร้างสายสืบ ไซเบอร์ กับโครงการ White Hat Hacking for security 2021 ปีที่ 2

เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบันมีการโจมตีขโมยข้อมูลเกิดขึ้นมากมาย เช่นเหตุการณ์ขโมยข้อมูลผู้ป่วยจากกระทรวงสาธารณสุข กระทบต่อความเชื่อมั่นของระบบ Online ที่ต้องใช้ในการทำงาน Work from home มากมาย บุคลากรด้าน Cybersecurity ก็ขาดแคลน นายไพบูลย์ พนัสบดี นายกสมาคม

โปรแกรมเมอร์จึงได้พูดคุยหารือกับดร.มาลียา โชติสกุลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคง จาก depa และจัดตั้งโครงการ Whitehat Hacking foro Security เพื่อพัฒนาบุคลากรทางด้าน Cybersecurity เข้าสู่อุตสาหกรรมเพิ่มเติมเพื่อให้มีบุคลากรเพียงพอในการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่นับวันจะเพิ่มมากขึ้นทุกที

หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากรุ่นที่ 1 จากโครงการ White Hat Hacking for security 2020 ทาง  DEPA และ สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ได้รุกหน้าทำหลักสูตรในการสร้างบุคลากรทางด้าน Cybersecurity เพื่อรองรับสังคมดิจิตัลในยุคโควิด 19 เนื่องจากกระแสของการโจมตี และโจรกรรมข้อมูลในโลกไซเบอร์ นับวันมีเคสสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งปัจจุบันบุคคลากรทางด้าน Cybersecurity ยังขาดทั้งกำลังพล ความรู้ และความเชี่ยวชาญ เพราะยังถือว่าเป็นวิชาชีพใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก จึงเป็นโอกาสของคนที่กำลังมองหาอาชีพใหม่ในยุคดิจิตัล ที่มีโอกาสด้านความก้าวหน้าของสายอาชีพ โอกาสในการทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงความต้องการในตลาดการจ้างงานยังมีเป็นจำนวนมาก

โครงการ White Hat Hacking for security 2021 ได้รับเกียรติจาก ดร.มาลียา โชติสกุลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคง สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตัล หรือ DEPA มาเป็นประธานในพิธีปิดโครงการ และกิจกรรม Capture the Flag 

สำหรับโครงการในปีนี้ได้ปรับหลักสูตรให้เข้มข้นขึ้น ทั้งยังปูพื้นฐานใหม่ให้กับคนที่ยังไม่มีความรู้ด้าน Cybersecurity มาก่อน ทั้งยังเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ผ่านระบบ online ในรูปแบบเกมมิ่งผ่านแพลตฟอร์ม Gather Town  ซึ่งทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้สะดวก ง่าย ไม่น่าเบื่อ และยังสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียน และอาจารย์ได้เสมือนกับเรียนออฟไลน์ 

ซึ่งกิจกรรมนี้ได้จัดตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. – 12 ก.ย. 2564 โดยมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมถึง 146 คนจากทั่วประเทศ เข้ามาร่วมกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการรักษาความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ และเข้าแข่งขันทดสอบด้านการเจาะระบบ (Penetration Testing) ทั้งเชิงรุกและเชิงรับในกิจกรรม Capture The flag ซึ่งการแข่งขันได้ผู้ชนะจากทั้ง 2 ทีมได้แก่ ทีม Red (ร.ต.ท. วรพล ผดุงกาญจน์, นายเศรษฐภพ พิจารณ์วณิช และนายกิตติณัฏฐ์ เศรษฐถาวร) และทีม Blue (นายกรัณต์ ชาครียรัตน์, นายณัฐภูมิ ศรีนวลเอียด และนายนภดล มณีรัตน์ประเสริฐ

สำหรับท่านที่สนใจโครงการด้านการพัฒนาบุคคลากรทางด้านดิจิตัล สามารถติดตามสื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆ หรือ ต้องการพัฒนาบุคคลากรในองค์กร สามารถติดตามได้ทางเพจของสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย (https://www.facebook.com/ThaiProgrammerSociety)