พุทธคุณเป็นที่เลื่องลือของพระท่ากระดาน มีเหตุการณ์ปาฎิหารย์เกิดขึ้นกับ อ.โกร่ง ศรีสวัสดิ์เอง

พุทธคุณของ”พระท่ากระดาน”

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน คือ ความอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด มีตัวอย่างที่บันทึกไว้ในหนังสือที่อยู่ในพิพิธภัณท์ เช่น 1.นายอำเภอบางกอกน้อยในสมัยก่อนนั้น มีการทดลองพระท่ากระดานที่วัดอมรินทร์ เขต บางกอกน้อย โดยนัดให้ชาวบ้านนำพระเครื่องมาให้เค้าทดลองยิง หากเค้ายิงไม่ออก 3 นัด

จะขอเช่าในราคา 1,000 บาท วันหนึ่งนายอำเภอขอให้ชายชราปลดพระท่ากระดานในคอให้เค้าทดลอง ครั้งแรกใส่พระลงในกระป๋องนม แขวนไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ ระยะห่าง 3 เมตร แล้วยิงด้วยปืนพกออโตเมติค นัดแรกกระสุนไม่ออก เค้าจึงบรรจุกระสุนนัดใหม่ใส่แล้วพระลงในกระป๋องนมเหมือนเดิมแต่เหลือระยะห่างแค่ช่วงแขนเท่านั้น แล้วลั่นไกครั้งที่ 2 ยังคงได้ยินแต่เสียงไกไม่มีกระสุนออกเช่นเดิม ครั้งที่ 3 นายอำเภอเอ่ยปากขอขมาพระเสียงดัง แล้วบรรจุกระสุนนัดที่ 3 คราวนี้ได้ยินเสียง “แช็ก” ท่ามกลางความตะลึงของทุกคนที่อยู่ในที่นั้น นายอำเภอขอเช่าพระจากชายชราแต่ชายชราไม่ให้ ให้ทดลองยิงเท่านั้น พระท่ากระดานองค์นั้นมีลักษณะทรวดทรงค่อมๆหรืองอเล็กน้อย จึงทำให้พระพักตร์ก้มง้ำมากกว่าธรรมดาซี่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นมาแต่ในกรุ เนื้อตะกั่วเถื่อน สนิมแดงสึกหรอบางส่วน แต่พระพักตร์ยังสมบูรณ์ชัดเจน

2.กรณีของ พล.ต.ท. ประชา บูรณธนิต ในคืนวันที่ 2 ต.ค.2495 นายพลประชาพร้อมภรรยาเดินทางจากนครปฐมเข้ากรุงเทพโดยรถยนต์ มี.ส.ต.ต. ชาญ เป็นคนขับ ขณะที่รถวิ่งมาถึงสามพรานประมาณ2ยามเศษ มีคนร้าย6-7คนใช้ไม้สูงขวางถนน ทำให้ต้องหยุดรถทันที คนร้ายกรูเข้ามาเอาปืนขู่ นายพลชักปืนยิงต่อสู้จึงเกิดการยิงต่อสู้กันระยะเผาขน คนร้ายถูกกระสุนหลายนัดและหลบหนีไป กระสุนถูกนายพล3จุด ที่หัวเข่า หน้าแข้งและแขน แต่ปรากฎเพียงรอยผิวหนังฟกช้ำ ส่วนภรรยาไม่ถูกกระสุนแม้แต่นัดเดียว แต่คนขับถูกกระสุนหลายนัดเสียชีวิต ในคืนเกิดเหตุนายพล ประชา ห้อยพระท่ากระดานอยู่ในคอ
และ3.เหตุการณ์ปาฎิหารย์เกิดขึ้นกับ อ.โกร่ง ศรีสวัสดิ์เอง เมื่อ10กว่าปีที่แล้ว ในงานศพที่เขตน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น จ.กาญจนบุรี มีคนร้ายลอบยิง อ.โกร่ง ศรีสวัสดิ์ด้วยปืนลูกซอง เข้าที่หัวหล่นคาโต้ะ แต่อ.โกร่ง ศรีสวัสดิ์ไม่เป็นไรเลย แม้แต่เลือดซักหยดก้อไม่มี ในขณะนั้น อ.โกร่ง ศรีสวัสดิ์แขวนพระท่ากระดานกรุศรีสวัสดิ์เช่นกัน

ต้นไม้กลายเป็นหิน อันดับ 1 ของโลก ที่ จ.ตาก

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยเตรียมยื่นขอบันทึกสถิติ “ไม้กลายเป็นหินยาวที่สุดในโลก”

ใน Guinness World Record หลังค้นพบ ไม้กลายเป็นหินในอุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย จ.ตาก

“ฤๅษีตาไฟ” ซึ่งอยู่ในถ้ำลั่นทม ปลุกเสกเครื่องรางของขลังเพื่อไปสู้รบกับข้าศึก

เปิดตำนาน 700 ปี “พระท่ากระดาน”

       "วัดท่ากระดาน" หรือเมืองหน้าด่านท่ากระดาน ห่างจากถ้ำลั่นทมประมาณ 2 กิโลเมตร จุดกำเนิดพระท่ากระดาน เริ่มจากเจ้าเมืองท่ากระดานกับชาวบ้านมาให้ "ฤๅษีตาไฟ" ซึ่งอยู่ในถ้ำลั่นทม ปลุกเสกเครื่องรางของขลังเพื่อไปสู้รบกับข้าศึก ฤๅษีตาไฟ ได้สร้างพระท่ากระดานเป็นเนื้อตะกั่วสนิมแดง เทลงในบล็อกดินเผา นำไปแจกให้แก่ทหารของเจ้าเมืองท่ากระดาน เพื่อใช้สู้รบกับข้าศึก แล้วฟันแทงไม่เข้า "พระท่ากระดาน" จึงได้รับฉายา ว่า 'ขุนศึกแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง'  และจัดอยู่หนี่งในห้าของพระในชุดเบญจภาคี

พุทธคุณที่เป็นที่เลื่องลือของพระท่ากระดาน จากอดีตจนถึงปัจจุบัน คือ ความอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด มีตัวอย่างที่บันทึกไว้ในหนังสือที่อยู่ในพิพิธภัณท์ เช่น

ในกรณีของ พล.ต.ท. ประชา บูรณธนิต ในคืนวันที่ 2 ต.ค.2495 นายพลประชาพร้อมภรรยาเดินทางจากนครปฐมเข้ากรุงเทพโดยรถยนต์ มี.ส.ต.ต. ชาญ เป็นคนขับ ขณะที่รถวิ่งมาถึงสามพรานประมาณ2ยามเศษ มีคนร้าย6-7คนใช้ไม้สูงขวางถนน ทำให้ต้องหยุดรถทันที คนร้ายกรูเข้ามาเอาปืนขู่ นายพลชักปืนยิงต่อสู้จึงเกิดการยิงต่อสู้กันระยะเผาขน คนร้ายถูกกระสุนหลายนัดและหลบหนีไป กระสุนถูกนายพล3จุด ที่หัวเข่า หน้าแข้งและแขน แต่ปรากฎเพียงรอยผิวหนังฟกช้ำ ส่วนภรรยาไม่ถูกกระสุนแม้แต่นัดเดียว แต่คนขับถูกกระสุนหลายนัดเสียชีวิต ในคืนเกิดเหตุนายพล ประชา ห้อย”พระท่ากระดาน “อยู่ในคอ

โควิดพ่นพิษส่งออกสะดุด
“เฉลิมชัย”ปลุกตลาดภายในคิกออฟโครงการ “เกษตรกร Happy”

โควิดพ่นพิษส่งออกสะดุด
“เฉลิมชัย”ปลุกตลาดภายในคิกออฟโครงการ “เกษตรกร Happy”เฟส2เร่งอัพราคาลำไย เงาะ ลองกอง พร้อมส่งทีม”เกษตรฯ.-พาณิชย์”ขึ้นเหนือทันที
ตัวแทนชาวสวนขอบคุณฟรุ้ทบอร์ดมอบโครงการดีๆดูแลเกษตรกร

วันที่ 15 ส.ค.64 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)เป็นประธานการแถลงข่าว Live สดผ่าน facebook : คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Ecommerce กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดตัวโครงการ “เกษตรกร Happy” phase 2 เพื่อช่วยเกษตรกรชาวสวนลำไย เงาะ ลองกอง ในการขายผลไม้คุณภาพดี สดจากสวน ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นแผนการดำเนินงานของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงและเข้าขั้นวิกฤต จนทำให้มีการเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์ทั้งในและต่างประเทศ ตลาดต่างประเทศมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้นมากขึ้น ระบบขนส่งระหว่างประเทศเกิดความติดขัด ตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน แรงงานและผู้ค้า รวมทั้งบริษัทขนส่งในประเทศติดโควิดเพิ่มมากขึ้น ผู้ส่งออกและล้งลดจำนวนลง ในขณะที่ผลไม้อยู่ในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวพร้อม ๆ กัน ทั้งมังคุด เงาะ ลำไย และลองกอง เป็นต้น โครงการนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดนมีวัตถุประสงค์ คือ 1) รณรงค์ส่งเสริมการบริโภคผลไม้ไทยภายในประเทศ 2) เพิ่มกิจกรรมการค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อระบบการค้าที่เป็นธรรม และ 3) ยกระดับราคา เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ภายใต้แนวคิด “คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทยแฮปปี้” และ “คนไทยไม่ทิ้งกัน”

และจากการดำเนินโครงการ “เกษตรกร Happy” phase 1 ในการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนมังคุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงเกษตรฯ.กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กรมประชาสัมพันธ์ ททบ.5 กองทัพบก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด, บริษัท แกร็บ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท เซ็นทรัล กรุ๊ป จำกัด, เครือข่ายร้านธงฟ้า คณะอนุกรรมการขับเคลื่อน Ecommerce คณะกรรมการธุรกิจเกษตร ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะสื่อมวลชนทุกแขนงที่ช่วยในการสื่อสารรณรงค์จนประสบความสำเร็จ และสามารถระบายมังคุดออกจากกลไกตลาดและรักษาเสถียรภาพราคาได้ในระดับที่น่าพอใจ
“ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมกันดำเนินโครงการเกษตรกร Happy ซึ่งในวันนี้เป็นการดำเนินโครงการเฟส 2 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่กำลังออกตามฤดูกาล ทั้งลำไย ลองกอง และเงาะ โดยในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการในหลายมิติ ทั้งการรณรงค์บริโภคผลไม้ไทย การขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้อุดหนุนผลไม้ไทย และได้มอบ หมายปลัดเกษตรฯ ตั้งทีมกระจายผลไม้เฉพาะกิจ เพื่อประสานงานไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมอบให้นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกษตรเดินทางไปลำพูนและเชียงใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาลำไยร่วมกับนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์และรองประธานฟรุ้ทบอร์ดระหว่างวันที่16-18สิงหาคม
สำหรับการแก้ไขปัญหาด้านการส่งออก ได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานและเจรจากับประเทศคู่ค้า โดยไทยจะมีมาตรการตรวจสอบให้เข้มข้นขึ้น เพื่อให้ไทยสามารถส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศได้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจะประสบความสำเร็จได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กระทรวงเกษตรฯ จึงพยายามเพิ่มช่องทางให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นและง่ายที่สุด จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องหันมาบริโภคผลไม้ไทย และร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน” ดร.เฉลิมชัย กล่าว

ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยมีผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งในตลาดโลกและตลาดภูมิภาค เช่น มีพื้นที่เพาะปลูกถึง 7 ล้านไร่ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกถึง 1 แสนล้านบาทต่อปี ทั้งผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง และผลไม้แปรรูป ซึ่งในปี 2564 ได้ประมาณการว่าจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้น 23% จากปีที่ผ่านมา จาก 4.4 ล้านตัน เป็น 5.4 ล้านตัน และถึงแม้ว่าเราจะเผชิญกับสถานการณ์การโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 กระทรวงเกษตรฯ ได้บริหารจัดการเชิงรุก
โดยได้เร่งพัฒนาการบริหารผลไม้จัดการทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิต การสร้างมาตรฐาน GAP/GMP การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม การสร้างแบรนด์ผลไม้ การบริหารโลจิสติกส์ ตลอดจนการตลาดสมัยใหม่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้ในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ผลไม้สามารถครองแชมป์การส่งออก ด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 185% ทุเรียนส่งออกขยายตัว 172% และมังคุดเติบโตถึง 488% ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรโดยรวม มีมูลค่า 71,473 ล้านบาท โดยมีอัตราการขยายตัวสูงสุดถึง 59.8% นับเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 10 ปี และเป็นการขยายตัว 9 เดือนต่อเนื่องกัน แต่ย่างเข้าเดือนกรกฎาคมการระบาดของโควิด19เข้าขั้นวิกฤติส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ ฟรุ้ทบอร์ดจึงต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มการบริโภคภายในประเทศ โครงการเกษตรกรแฮปปี้จึงเกิดขึ้นเพื่อส่งเสริมช่องทางการขายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และทุกภาคีภาคส่วน เฟสที่1 เราสามารถช่วยชาวสวนมังคุดภาคใต้จนราคาขยับตัวเกินเป้าหมาย ภายในเวลาสัปดาห์เศษ จึงขอเชิญชวนให้มาช่วยกันซื้อ ลำไย เงาะ ลองกอง นอกจากจะได้รับประทานผลไม้ดี ๆ แล้วยังช่วยเกษตรกรฝ่าวิกฤตโควิดไปด้วยกันภายใต้แนวทาง ”คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทยแฮปปี้” นายอลงกรณ์ กล่าว
ทางด้านตัวแทนเกษตรกรชาวสวนลำไย เงาะและลองกองได้กล่าวขอบคุณฟรุ้ทบอร์ดที่ดูแลช่วยเหลือชาวสวนผลไม้มาโดยตลอดโดยเฉพาะโครงการเกษตรแฮปปี้เป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์เชื่อว่าจะช่วยชาวสวนได้ในช่วงที่ราคาตกต่ำจากผลกระทบของโควิด19

วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง โดย นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคในโครงการต่อลมหายใจ ต่อชีวิต ให้อนาคตของชาติ จำนวน 1,500,000 บาท เพื่อสนับสนุนการดูแลเด็กป่วยภาวะวิกฤต หอผู้ป่วยเด็กไอซียู ของสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โดยมี นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ มหาราชินี และนายสันติ สาทิพย์พงษ์ รองประธานมูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก พร้อมผู้บริหารสถาบันฯ เป็นตัวแทนรับมอบ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษามหาราชินี (ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก)
การนี้ นางรวมพร เกตุทัต ประธานผู้พิพากษาสมทบ และนางสาวอัมภัสชา ดิษฐอำนาจ เลขานุการ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ร่วมมอบเงินดังกล่าวด้วย

ศย. กลาง รับมอบหุ่นยนต์ ATOMIC หุ่นยนต์ต้อนรับอัตโนมัติ จากบริษัท แอโร กรุ๊ป (1992) จำกัด

“วันรพี” วันคล้ายวันสิ้นพระชนม์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง รับมอบหุ่นยนต์ ATOMIC หุ่นยนต์ต้อนรับอัตโนมัติจากดร.กฤษดา อัครพัทธยากุล ผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดปทุมธานี และประธาน บริษัท แอโร กรุ๊ป (1992) จำกัด เพื่อใช้ในการให้บริการประชาชนที่มาติดต่อราชการ ณ บริเวณโถงกลาง ชั้น 2 อาคารศาลเยาวชน และครอบครัวกลาง

หุ่นยนต์ ATOMIC หุ่นยนต์ต้อนรับอัตโนมัติ เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาจาก บริษัท แอโร กรุ๊ป (1992) จำกัด โดย ดร.กฤษดา อัครพัทธยากุล และทีมงาน มีคุณสมบัติเป็นหุ่นยนต์ต้อนรับ สามารถทักทาย สอบถาม และให้ข้อมูลข่าวสารแก่ผู้มาติดต่อราชการที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางได้ สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างอัตโนมัติ และทำ Mapping ด้วย SLAM ทำให้สามารถให้บริการแก่ผู้มาติดต่อราชการศาลได้อย่างเต็มที่และปลอดภัย

วันรพี

ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

บริษัท แอโร กรุ๊ป (1992) จำกัด

เด็กและเยวชน

องค์การสวนสัตว์ ชวนปันสุข เพื่อเพื่อนๆสัตว์ป่า


เปิดตัวโครงการอุปถัมภ์สัตว์ป่า มุ่งหวังให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่า พร้อมกันทุกสวนสัตว์ทั่วประเทศ

​เมื่อเร็วๆนี้ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายอภิเดช สิงหเสนี รองผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ฯ และนายเทวินทร์ รัตนะวงศะวัต ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้ร่วมกันแถลงข่าวโดยการไลฟ์สด ผ่านสื่อออนไลน์ เปิดตัวโครงการอุปถัมภ์สัตว์ป่า องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในชื่อ “ปันสุข..เพื่อเพื่อนๆสัตว์ป่า” โดยมีสวนสัตว์ ทั้ง 7 แห่ง คือ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนสัตว์เชียงใหม่ สวนสัตว์นครราชสีมา สวนสัตว์สงขลา สวนสัตว์อุบลราชธานี สวนสัตว์ขอนแก่น และโครงการคชอาณาจักร จ.สุรินทร์ ร่วมเป็นหน่วยรับอุปถัมภ์
​โดยนายอรรถพร เผยว่า โครงการอุปถัมภ์สัตว์ป่า “ปันสุข..เพื่อเพื่อนๆสัตว์ป่า” ที่ได้แถลงเปิดตัวผ่านสื่อออนไลน์ ไปนั้น เป็นหนึ่งในโครงการที่องค์การสวนสัตว์ฯ จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ประชาชนที่ชื่นชอบสวนสัตว์ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในการอุปถัมภ์สัตว์ป่า ชนิดต่างๆ ที่อยู่ในความดูแล ของสวนสัตว์ทั่วประเทศ ซึ่งมีจำนวนกว่า 10,000 ตัวมาก กว่า 2,000 ชนิด ผ่านการทำบุญบริจาคเงินเข้าสบทบในกองทุนและองค์การสวนสัตว์ จะนำไปเป็นค่าใช้จ่ายด้านอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ต่างๆ ในการรักษาสัตว์ และอุปกรณ์ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของสัตว์ป่าในสวนสัตว์ ในคราวจำเป็นต่อไป
ด้านนายเทวินทร์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว กล่าวเพิ่มเติมว่า การบริจาคอุปถัมภ์สัตว์ป่า สำหรับสวนสัตว์เปิดเขาเขียวนั้น ผู้บริจาคสามารถเลือกบริจาคได้ 4 รูปแบบ คือ
• ปันสุข ตามอัธยาศัย สามารถบริจาคได้ตามศรัทธา
• ปันสุข Bronze package อุปถัมภ์สัตว์ 1,000 บาท จะได้รับ Zoo member bronze card
• ปันสุข Silver package อุปถัมภ์สัตว์ 5,000 บาท จะได้รับ Zoo member silver card และ ของที่ระลึก Limited edition
• ปันสุข Gold package อุปถัมภ์สัตว์ 10,000 บาท จะได้รับ Zoo member gold card ของที่ระลึก Limited edition และรถกอล์ฟไฟฟ้าพร้อมด้วยไกด์นำชมสวนสัตว์
โดยบัตร Zoo Member Card ทุกแบบ สามารถมีสิทธิ์เข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้ ฟรี ตามที่กำหนดไว้ด้วย
ทั้งนี้ สามารถ บริจาคได้ที่ บัญชี ธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี 006-0-23655-8 ชื่อบัญชี กองทุนเพื่อหมีแพนด้า ซึ่งเป็นกองทุนสาธารณกุศล ผู้บริจาคจะได้รับใบประกาศเกียรติคุณออนไลน์และสามารถนำใบเสร็จรับเงินจากองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยไปลดหย่อนภาษีได้ และ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและประชาสัมพันธ์ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว โทร 038-318-444 หรือ https://www.facebook.com/kkopenzoo

“ทำความดี – มีคนเห็น” ชมรมช่างภาพการเมือง ร่วมกับ ศิษย์เก่า ร.ร.ภักดีนรเศรษฐ ปี2519 และศิษย์เก่า (น.จ.รุ่น 22)

จัดกิจกรรม ทำดีตามรอยพ่อ เยียวยา บุคลากรทางการแพทย์ คุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ด่านหน้าสู้ภัย โควิด-19
ชัยยศ ศิริสวัสดิ์ ประธานชมรมช่างภาพการเมือง และ ศิษย์เก่า ร.ร.ภักดีนรเศรษฐ ปี2519 และศิษย์เก่า (น.จ.รุ่น 22) ร่วมกันจัดกิจกรรม ทำดีตามรอยพ่อ เยียวยา บุคลากรทางการแพทย์ คุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ด่านหน้าสู้ภัย โควิด-19

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ และวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2564 โดยได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ใจดี นำโดย คุณปนัดดา เจริญกิจ ผู้จัดการแผนกพัฒนาผลิตภัณฑ์และประกันคุณภาพ บริษัท นำเชา (ประเทศไทย) จำกัด มอบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราลิตเติ้ลกุ๊ก คุณชาญณรงค์ พรดิลกรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด สนับสนุนผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ดอยคำ และดร.วิชัย ปิยวรรณวงศ์ ประสานงาน น้ำดื่ม และ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ทุกๆท่านต่างได้เห็นการกระทำความดี ของบรรดาคุณหมอและพยาบาลทุกๆท่าน จึงให้ ชมรมช่างภาพการเมือง เป็นผู้ดำเนินการ ร่วมกับ ร่วมกับ ศิษย์เก่า ร.ร.ภักดีนรเศรษฐ ปี2519 และศิษย์เก่า (น.จ.รุ่น 22) ดำเนินการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคดังกล่าว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ของ โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ โดยมี คุณอุษา บุญรอด และ คุณชนิกานต์ จงมนตรี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ และทีมคุณหมอและพยาบาล ซึ่งเป็นผู้เสียสละด่านหน้ามีภาระกิจในการดูแลรักษาผู้ป่วยประจำโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ และต้องคอยดูแล ผู้ป่วย โควิด-19 ของโรงพยาบาลสนามเอราวัณ 2 ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก 19 ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นั้น ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศและยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น บุคลากรทางการแพทย์จึงเป็นบุคลากรด่านหน้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรองรับสถานการณ์วิกฤตนี้

“จุรินทร์-เฉลิมชัย”ขอบคุณคนไทยไม่ทิ้งกันช่วยซื้อมังคุดกว่า2หมื่นตันดันราคาเกินเป้า สั่ง


“ฟรุ้ทบอร์ด”เดินหน้าช่วย”ลำไย-เงาะ-ลองกอง”ต่อเนื่องจนสิ้นฤดูกาลผลิตลำไยเหนือผลไม้ใต้ปี64

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แถลงวันนี้(11ส.ค)ว่า ภายใต้นโยบายยกระดับราคาผลไม้ฤดูกาลผลิตปี2564 ของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และ

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board) โดยการขับเคลื่อนของคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ได้ออกมาตรการเชิงรุกทุกแพลตฟอร์มตามแผนบริหารจัดการผลไม้ประจำปีการผลิต2564

รวมทั้งการปรับกลยุทธ์ใหม่เน้นการบริโภคภายในประเทศทดแทนการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการโควิด19จนสามารถดึงมังคุดออกจากแหล่งผลิตจนถึงวันนี้ได้กว่า20,000ตันทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นเป็นกิโลกรัมละ13-15บาทสำหรับมังคุดเกรดคละและมังคุดเกรดคุณภาพ ราคาใกล้แตะที่กิโลกรัมละ 50 บาทตามรายงานล่าสุดของกรมการค้าภายในแม้จะเป็นช่วงพีคที่มีผลผลิตมังคุดออกมามากที่สุดถึง60,000ตันภายในเดือนสิงหาคมจากยอดรวมผลผลิตมังคุดภาคใต้รวมทั้งฤดูกาล1.5แสนตัน แต่เราก็สามารถยกระดับราคาได้เกินเป้าหมายจากมาตรการหลักมาตรการเสริมใหม่ๆและการแก้ไขปัญหาไปพร้อมๆกัน

“การแก้ไขปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกขาดแคลน การแก้ปัญหาโลจิสติกส์และการแก้ไขปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานและล้งจากภาคตะวันออกลงใต้จนคลี่คลายระดับหนึ่งจากการทำงานร่วมกันของรัฐมนตรีเกษตรรัฐมนตรีพาณิชย์และผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธาน(คพจ.)ทำให้ราคามังคุดเพิ่มขึ้นเช่นกรณีจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งเป็นฮับมังคุดภาคใต้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมมีเพียง46ล้งแต่เมื่อมีการแก้ปัญหาและผ่อนปรนมาตรการอย่างรวดเร็วทำให้ปัจจุบันมีล้งเพิ่มเป็นกว่า200รายและแผงรับซื้อผลไม้กว่า400แผงที่เข้าไปรับซื้อในพื้นที่และการกลับมาเปิดบริการของบริษัทขนส่งเช่นไปรษณีย์ไทย เคอรี่ส่งผลให้กลไกและระบบการค้าฟื้นกลับมา”

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า ผลการดำเนินงานดังกล่าวมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐภาคเอกชนและภาคเกษตรกรไม่ว่าจะเป็น
มาตรการการเชื่อมโยงและกระจายมังคุดออกนอกแหล่งผลิต โดยสนับสนุนค่าบริหารจัดการแก่ศูนย์กระจายในจังหวัดแหล่งผลิต กก.ละ 3 บาท เพื่อกระจายมังคุดจำนวน 16,950 ตัน ออกนอกแหล่งผลิตโดยเร็ว มาตรการสนับสนุนค่าขนส่งและค่ากล่องโดยกรมการค้าภายในร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทยสนับสนุนกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีสติกเกอร์ติดกล่องทั้งกล่องฟรีและส่งฟรีผลไม้ทั่วประเทศจำนวน 200,000 กล่องๆ ละ 10 กก. เพื่อช่วยกระจายผลไม้ 2 ล้านกิโลกรัม มาตรการการกระจายมังคุดผ่านระบบร้านค้าส่ง-ค้าปลีก ร้านธงฟ้า และเครือข่ายบริษัมน้ำมันเช่นบริษัท พีทีจี เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เครือข่ายทายาทร้านค้าส่ง-ค้าปลีก (YTS) กว่า 100 สาขาทั่วประเทศบริษัทสยามแม็คโคร โลตัส เซ็นทรัล เดอะมอลล์ บิ๊กซี ซีพีออลล์ มากกว่า 1 ล้านกิโลกรัม ขณะเดียวกันสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น และสถานีการน้ำมันบางจาก ยังมีการแจกมังคุดให้ผู้บริการเติมน้ำมันในเขตกรุงเทพฯ
รวมทั้งกลยุทธ์ล่าสุดคือโครงการ”เกษตรกรแฮปปี้”ภายใต้แนวคิด”คนกินยิ้มได้ เกษตรกรไทยแฮปปี้” บนความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดีอี กระทรวงมหาดไทย(คพจ.) บริษัทไปรษณีย์ไทย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด (ท็อปส์ มาร์เก็ต และ เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์) บริษัท แกร็บ ประเทศไทย เครือข่ายร้านธงฟ้า คณะอนุกรรมการอีคอมเมิร์ซ และคณะอนุกรรมการธุรกิจเกษตรของกระทรวงเกษตรฯ.สามารถระบายขายมังคุดเกรดคละได้กว่า100ตันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์โดยไม่ได้ใช้งบประมาณภาครัฐ ทั้งนี้ยังมีโครงการระบายมังคุดผ่านระบบสหกรณ์อีกหลายร้อยตันทั้งรูปแบบการซื้อขายและแลกเปลี่ยนมังคุดกับสินค้าเกษตรระหว่างสหกรณ์ตลอดจนโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ. กระทรวงพาณิชย์กับททบ.5กองทัพบก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและโครงการกระจายผลไม้ผ่านหน่วยงานรัฐและรัฐสภา ฯลฯ เราพยายามอย่างที่สุดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอาจมีบางส่วนบางพื้นที่ที่ยังมีปัญหาด้านการขายและราคาก็พร้อมจะเข้าไปดูแลทันทีเช่นกรณีมังคุดภูเขา”คีรีวง”ของนครศรีธรรมราชมีปัญหาพอแจ้งมาเราก็ส่งทีมเกษตร-พาณิชย์ลงไปดูแลทันทีภายใน24ชั่วโมง

นายอลงกรณ์ พลบุตร ในฐานะหัวหน้าทีมบริหารจัดการผลไม้เฉพาะกิจของฟรุ้ทบอร์ดยังกล่าวต่อไปว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ Fruit boardและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีพาณิชย์ ได้สั่งการให้ฟรุ้ทบอร์ดเร่งช่วยเหลือชาวสวนลำไยและเงาะที่มีราคาลดลงในช่วงกลางฤดูผลิตและลองกองอีกกว่า4หมื่นตันที่กำลังจะออกมาเป็นการล่วงหน้าโดยด่วนพร้อมกันนี้ยังได้ขอบคุณและเชิญชวนทุกภาคส่วนช่วยกันสนับสนุนซื้อผลไม้ไทยเพื่อช่วยชาวสวนให้ได้ราคาที่เป็นธรรมมีรายได้เพิ่มขึ้นจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาลผลไม้ปี2564

นอกจากนี้ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(Fruit Board)ยังได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ.เช่นกรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์
กรมวิชาการเกษตร และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)เร่งพัฒนาคุณภาพมาตรฐานผลไม้และระบบตรวจสอบย้อนกลับ(Traceability)รวมทั้งมาตรการป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโควิด-19(COVID Free)ตามยุทธศาสตร์เกษตรปลอดภัยและให้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้ฟรุ้ทบอร์ดจัดทำแผนปฏิรูปการบริหารจัดการผลไม้เชิงโครงสร้างทั้งระบบทั้งระยะสั้นและระยะยาวภายใน90วันโดยฟรุ้ทบอร์ดมอบที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.เป็นประธานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซากทุกปีโดยเฉพาะให้สร้างกลไกที่พร้อมปฏิบัติการฉุกเฉินได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหาเฉพาะหน้าเช่นกรณีปัญหาการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในปีนี้ที่ต้องปรับกลยุทธ์และปรับแผนแม้จะทำได้รวดเร็วก็ตามแต่ยังเป็นมาตรการเฉพาะกิจบางครั้งต้องมีการประชุมทำให้เกิดปัญหาขั้นตอนราชการกว่าจะอนุมัติมาตรการใหม่ๆก็ต้องใช้เวลาไม่ทันการแก้ปัญหาแบบเร่งด่วน เหตุการณ์ปีนี้คือบทเรียน ทั้งนี้
จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าในเดือนมิถุนายนปีนี้การส่งออกผลไม้เพิ่มขึ้น185%และมังคุดส่งออกขยายตัวกว่า400%แต่พอถึงเดือนกรกฎาคมเกิดการการแพร่ระบาดของโควิด19ภายในประเทศที่รุนแรงมากขึ้นทำให้มีการออกมาตรการล็อคดาวน์เพิ่มขึ้นขณะเดียวกันประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของผลไม้ไทยรวมทั้งเวียดนามและลาวที่เป็นเส้นทางการขนส่งได้ยกระดับมาตรการป้องกันโควิด19เข้มข้นมากขึ้นทำให้ตู้คอนเทนเนอร์หมุนกลับมาไม่ทันล้งเคลื่อนย้ายไปภาคใต้ได้น้อยมากส่งผลกระทบต่อระบบโลจิสติกส์ กลไกการค้าและราคาผลไม้จะเห็นว่าในสถานการณ์โควิด19มีโอกาสเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดได้ตลอดเวลา จึงต้องปรับการบริหารและโครงสร้างใหม่เพื่อรับมือกับวันข้างหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายอลงกรณ์กล่าวว่า ทางด้านกระทรวงพาณิชย์ทำงานเชิงรุกตลอดเวลาเช่นกัน ล่าสุด นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งรัดการเปิดตลาดใหม่ด้วยโครงการจับคู่ธุรกิจเพื่อเจรจาการค้าผ่านระบบออนไลน์ในตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกาซึ่งผู้เข้าร่วมเจรจาธุรกิจเป็นผู้ส่งออกไทยจำนวน 123 บริษัท และมีผู้ซื้อ ผู้นำเข้าสมัครเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น จำนวน 74 ราย เกิดการจับคู่ธุรกิจได้จำนวน 123 คู่ ก็เป็นอีกมาตรการเพื่อขยายตลาดส่งออกโดยเฉพาะผลไม้และผลิตภัณฑ์ผลไม้ของไทย

กระทรวงเกษตรฯ.ฝ่าวิกฤตโควิดปรับกลยุทธ์สื่อสาร “เฉลิมชัย”มอบทีมโฆษก กษ.แถลงข่าวออนไลน์แบบNew Normalผ่านระบบ ZOOM Meeting


ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทุกฝ่ายต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์ และเข้มงวดในการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตไปจากเดิม สร้างวิถีความปกติใหม่ (New normal) ทั้งการการทำงานที่บ้าน (Work from Home) และปรับตัวเป็นการทำงานทางไกล หรือการประชุมแบบออนไลน์ ขณะเดียวกันการสื่อสารเผยแพร่ชี้แจงข่าวสารแก่สาธารณชน ยังคงเป็นเรื่องที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ความสำคัญ โดยทุกวันจันทร์ เวลา 09.00 น. ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีการพูดคุย และให้ข้อมูลข่าวที่เป็นประโยชน์ ผ่านการ Live สด “เกษตรบอกข่าว” ในเพจ Facebook : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทุกวันพุธ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ข้อมูลข่าวสาร และผลการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ และทุกวันศุกร์ เวลา 10.00 น. จะมีการสรุปข่าวและภารกิจที่สำคัญในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผ่านการ Live สด ในรายการ “ชาวเกษตรอัปเดตข่าว” ในเพจ Facebook : กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ทีมโฆษกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดแพลตฟอร์มในการสื่อสารเพิ่มขึ้น เพื่อชี้แจงข่าวสารแก่สื่อมวลชนในรูปแบบ New normal โดยจะมีการใช้โปรแกรม ZOOM ซึ่งเป็นโปรแกรมออนไลน์ที่มีฟีเจอร์ครบครัน และในระยะต่อไปอาจขยายไปยังโปรแกรมอื่น ๆ ที่สามารถตอบสนอความต้องการของสื่อมวลชนและผู้ที่สนใจ เช่น Clubhouse เป็นต้น โดยจะร่วมมือกับโฆษกทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อมาตอบโจทย์ในการกระจายข่าวสารไปยังสื่อมวลชนและสาธารณชนให้มากขึ้น
ด้าน ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การแถลงข่าวรูปแบบใหม่ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะสร้างการรับรู้ออกสู่สาธารณชน โดยจะมุ่งเน้นในประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ โดยเฉพาะเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ผลกระทบต่อภาคเกษตรในช่วงโควิด-19 มาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง นโยบายใหม่ ๆ ของกระทรวงเกษตรฯหรือการประชุมที่สำคัญต่าง ๆ รวมทั้งข่าว Fake News ที่ต้องเร่งชี้แจง เป็นต้น ซึ่งการเพิ่มช่องทางการแถลงข่าวแบบออนไลน์ จะทำให้สื่อมวลชนได้รับทราบสถานการณ์ ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ได้ทันท่วงทีและอยู่ที่ไหนก็สามารถร่วมการแถลงข่าวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ทุกที่ทุกเวลา