ขสมก.จำกัดผู้โดยสารไม่เกิน 50% เริ่มวันนี้

นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ลงวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 จำนวน 11 ข้อ เพื่อใช้เป็นข้อปฏิบัติในการแก้ไขและบรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ให้คลี่คลายลงโดยเร็ว

โดยข้อที่ 6 กำหนดให้หน่วยงานที่ให้บริการระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และการขนส่งสาธารณะทุกประเภทระหว่างจังหวัดทั่วราชอาณาจักร ให้เป็นไปตามแนวทางที่ ศปก.ศบค. กำหนด โดยจำกัดจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการไม่เกินร้อยละ 50 ของความจุผู้โดยสารสำหรับยานพาหนะแต่ละประเภท รวมทั้งจัดให้มีการเว้นระยะห่างและการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยพิจารณาจัดการให้บริการขนส่งสาธารณะให้เพียงพอต่อความจำเป็น และตามเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางของประชาชน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

“อลงกรณ์”เห็นด้วย”สปสช.”ใช้งบพันล้านซื้อชุดตรวจโควิดแจกประชาชน 8.5ล้านชุด

แต่ข้องใจราคาAntigent Rapid Test แนะสปสช.แจงรายละเอียดเพื่อความโปร่งใส

วันนี้นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์โพสต์ข้อความในเฟสบุ๊คเห็นด้วยที่”สปสช.”จะจัดซื้อชุดตรวจทดสอบโควิดให้ประชาชน8.5 ล้านชุดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพเป็นผู้รับภาระจัดสรรงบประมาณ 1,014 ล้านบาท แต่ข้องใจราคาต้นทุนชุดตรวจโควิด Antigent Rapid Test Kitที่มีบางข่าวระบุว่าราคาสูงถึงชุดละ120บาท จึงขอให้”สปสช.”ชี้แจงเพื่อความกระจ่าง พร้อมกันนี้นายอลงกรณ์ให้ข้อมูลราคานำเข้าจากจีนชุดละ37.50บาท
โดยข้อความในเฟสบุ๊คปรากฏดังนี้

“..,สปสช.ชี้แจงให้กระจ่างนะครับ
โครงการจัดซื้อชุดตรวจโควิด Antigent Rapid Test Kit !!!

ผมเห็นข่าวก็ดีใจและเห็นด้วยที่สปสช.จะซื้อชุดตรวจทดสอบโควิดให้ประชาชน8.5 ล้านชุดโดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพเป็นผู้รับภาระจัดสรรงบประมาณ 1,014 ล้านบาท

แต่มีบางข่าวระบุว่าราคาต้นทุนชุดตรวจโควิดชุดละ120บาทนั้นดูจะสูงไปหรือไม่ครับ
เพราะราคาชุดตรวจจากโรงงานมาตรฐานที่ปักกิ่ง ชุดละ 1.25ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับการสั่งซื้อ100,000ชุดขึ้นไป)
ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน30บาทต่อ1ดอลลาร์ คูณ 1.25 บาท
จะตกชุดละ 37.50 บาท
ถ้าซื้อหลายล้านชุดราคาจะต่ำกว่านี้อีก

ผมไม่แน่ใจข่าวที่ออกมาว่า ราคาต้นทุนชุดละ120 บาทจริงเท็จประการใด
หรือข่าวคลาดเคลื่อน ถ้าให้กระจ่างควรแจกแจงว่างบ1,014ล้านบาทเป็นงบซื้อชุดตรวจทั้งหมดกี่ชนิดกี่ประเภทโดยเฉพาะชุดตรวจแบบAntigent Rapid Test kit
ผมเอาใจช่วยแต่
ช่วยชี้แจงหน่อยนะครับ
…อลงกรณ์ พลบุตร 20 ก.ค 64…”

อ้างอิงข่าว:
“บอร์ด สปสช. ประชุมวันที่19 กค.2564 มีมติเห็นชอบ ที่จะจัดหาชุดตรวจทดสอบโควิดด้วยตัวเองที่บ้านจำนวน 8.5 ล้านชุด ราคาต้นทุนจัดซื้อ 120 บาทต่อชุด
โดยมอบหมายให้เครือข่ายโรงพยาบาลราชวิถี ในฐานะเป็นเครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ เป็นผู้จัดซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรม โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพเป็นผู้รับภาระจัดสรรงบประมาณ 1014 ล้านบาท

https://www.blockdit.com/posts/60f57d348a54740c97ec6618เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 8/2564 (วาระพิเศษ) เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2564 ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน โดยนายอนุทิน กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีจำนวนมากในขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเพิ่มชุดตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วย Antigen Test Kit (ATK) ในวงเงินเบื้องต้น 1,014 ล้านบาท เพื่อจัดหาชุดตรวจให้หน่วยบริการนำไปแจกจ่ายกับประชาชนทุกคนทุกสิทธิ  รวมถึงคนต่างด้าวสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย ATK เอง ในช่วงระหว่างเดือน ส.ค. – ก.ย. 2564 และย้ำว่าต้องทำด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้… อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/72047/

“ออโรร่า” กับความเชื่อมั่นและไว้วางใจของลูกค้า บนเส้นทางเบอร์ 1 ที่รักษามากว่า 48 ปี

ตลาดเครื่องประดับทองคำมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท ที่ลดลงกว่า 30% ในปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะได้รับผลกระทบไม่ต่างจากกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ แต่ “ทองคำ” ยังคงถูกยกเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุด

นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด ผู้บริหารร้านทองออโรร่า (AURORA) เผยว่า ตลาดเครื่องประดับทองคำมีมูลค่ากว่า 80,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาลดลงกว่า 30% จากผลกระทบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งก็ไม่ต่างจากกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ แต่ “ทองคำ” ยังคงถูกยกเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นที่สุด ท่ามกลางวิกฤตและการแข่งขันที่ดุเดือดของร้านทองที่มีมากกว่าหมื่นร้านทั่วประเทศ เราในฐานะผู้นำตลาดยังเดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยส่วนแบ่งกว่า 20% สอดคล้องกับผลสำรวจ No.1 Brand ที่ “ออโรร่า” สามารถครองหัวใจคนไทย คว้าแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ในหมวด “ร้านทอง” หมวดแบรนด์สินค้าที่ Marketeer เพิ่มเข้ามาใหม่ในปีนี้ ด้วยจุดแข็งที่ค่อย ๆ ตกผลึกมาตลอด 48 ปี กับการเป็นเบอร์หนึ่งท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด และการฝ่าด่าน Generic Name อย่างคำว่าทองเยาวราชได้นั้น มาจากความเข้าใจของลูกค้าและการทำอย่างต่อเนื่องมาจนมั่นใจ โดยการจะตอบโจทย์และครองใจลูกค้าได้นั้น เรายึดถือ 3 สิ่งนี้มาตลอด และทำจนมั่นใจว่านี่คือคีย์หลักที่ทำให้ลูกค้าเชื่อใจแบรนด์
การแข่งขันในตลาดร้านทองค่อนข้างดุเดือด แต่ละร้านแข่งกันด้วยราคา สำหรับ “ออโรร่า” เราเน้นที่การสร้างแบรนด์ผ่าน 3 สิ่งที่เรายึดมั่นมาตลอด 48 ปี คือ การขายทองแท้เปอร์เซ็นต์สูง การบริการหลังการขายฟรี ทั้งล้าง ซ่อม หรือต่อ และสุดท้ายที่เป็นจุดแข็ง คือ เรารับซื้อคืนในราคาสูงสุด เราทำ 3 อย่างนี้ควบคู่กับการขายทองมาตลอดอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงจุดที่แบรนด์อยากตอกย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าและทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น จึงออกใบรับประกัน 3 ใบให้กับลูกค้าเพื่อการันตีว่า ที่ออโรร่าคุณจะได้ทองแท้เปอร์เซ็นต์สูง บริการหลังการขายที่ดี และราคารับซื้อคืนสูงสุด หรือเทียบเท่าร้านทองย่านเยาวราช ซึ่งหมายความว่าลูกค้าออโรร่าสามารถกลับมาขายทองที่ร้านและราคาดีที่หักเพียง 3% ได้ทุกสาขาทั่วประเทศโดยที่ไม่ต้องเสียค่าเดินทางเข้ามาเยาวราชแต่อย่างใด
“สิ่งที่เราได้รับกลับมาจนกลายเป็น Core Value คือ “ความอิ่มอกอิ่มใจของลูกค้า” คุณพ่อจะบอกเสมอว่า ลูกค้าทุกคนตั้งใจเก็บหอมรอมริบเพื่อที่จะมาซื้อทองกับเรา เราต้องไม่โกงความรู้สึกเขา ต้องขายแต่ทองแท้ที่เปอร์เซ็นต์สูงเท่านั้น ขณะเดียวกันในวันที่เขามีเหตุจำเป็นต้องกลั้นใจปลดตะขอขายทองให้เรา เรายังจะกล้าให้เงินเขาน้อยอีกหรือ? นี่คือสิ่งที่คุณพ่อย้ำมาตลอด” นายอนิพัทย์ กล่าว
และนอกจากการจำหน่ายในร้านทองทั่วประเทศกว่า 220 สาขาแล้ว เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ออโรร่าทำลายกำแพงความกลัวของลูกค้าแล้วแทนที่ด้วยความเชื่อมั่น ด้วยการเป็นร้านทองแบรนด์แรกในไทยที่ลุยตลาดออนไลน์ขายผ่านช่องทาง E-commerce เกือบทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงเว็บไซต์ออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่ยกร้านเข้าจำหน่ายในตลาดออนไลน์
“หลายคนสงสัยว่า ทอง สินค้าที่มีมูลค่าสูงกับการขายออนไลน์ดูเหมือนจะไปด้วยกันไม่ได้ ‘เชื่อถือได้ไหม’ ‘ของแท้หรือเปล่า’ คำถามเหล่านี้คือกำแพงที่ออโรร่าค่อย ๆ ทำลาย และสร้างความมั่นใจเข้ามาแทนที่ ผ่านการทำงานอย่างเป็นระบบ เราได้เข้าสู่ช่องทางออนไลน์มาประมาณ 3 ปี ซึ่งสัดส่วนรายได้ตรงนี้อยู่ที่ราว ๆ 5-10% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งการขายผ่านออนไลน์นั้นเกิดจากอินไซต์ของลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ที่ร้านของเรายังไปไม่ถึง เขาติดต่อสอบถามเข้ามาว่ามีสาขาที่จังหวัดนี้ไหม ใกล้ที่นี่ ที่สำคัญ สินค้าที่ซื้อออนไลน์ก็ได้รับบริการหลังการขายมาตรฐานเดียวกับซื้อหน้าร้านทุกอย่าง ปัจจุบันเราสามารถส่งสินค้าได้เร็วที่สุดคือภายใน 3 ชั่วโมงสำหรับเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ถ้าเป็นต่างจังหวัดอย่างช้าสุดก็ประมาณ 2-3 วัน ทั้งหมดนี้ทำให้ลูกค้ามั่นใจและกล้าที่จะสั่งซื้อกับเรา” นายอนิพัทย์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้วยมาตรการหลายขั้นตอนเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ เริ่มจากอันดับแรกสินค้าไปพร้อมใบรับประกัน 3 ใบเช่นเดียวกับซื้อที่หน้าร้าน อันดับสองจะส่งคลิปวิดีโอขั้นตอนการบรรจุสินค้าตั้งแต่ต้นจนจบ หน้ากล่องพัสดุระบุชื่อลูกค้าชัดเจน อันดับสามเราทำประกันการขนส่งกับสินค้าทุกกล่อง ‘เต็มจำนวนราคา’ อันดับสี่ ถ้าสินค้ายังไม่ถึงมือ ลูกค้าไม่ต้องรับผิดชอบ ออโรร่ารับผิดชอบเอง และสุดท้าย ถ้าแกะออกมาแล้ว สินค้ามีปัญหา ถ่ายคลิปวิดีโอไว้ และติดต่อส่งคืนให้เราดูแลได้
เรายังคงเดินหน้าเอาธุรกิจร้านทองไปให้ใกล้ชิดกับผู้คนมากขึ้น ผ่านการสำรวจศึกษาความต้องการของลูกค้า ล่าสุดกับการนำนวัตกรรมใหม่ที่นำเข้าจากต่างประเทศที่สามารถเปลี่ยนทองคำน้ำหนักน้อย ราคาจับต้องได้ ให้อยู่ในรูปทรงที่มีมูลค่า โจทย์ของลูกค้าคืออยากมองหาของขวัญให้ผู้ใหญ่ อยากให้ของที่ดูดี ทำจากทอง ราคาไม่สูงมาก เราเลย Develop รูปทรงของทองเป็น ‘กิมตุ้ง’ หรือเงินจีนรูปเรือสำเภาจีน ด้วยน้ำหนักทองเพียง 0.2 กรัม ถ้าเทียบราคากับของขวัญที่ให้แล้วมันดูมีมูลค่ามากขึ้น ซึ่งไม่มีที่ไหนทำได้แบบนี้ การยึดหลัก Customer Centric ที่ทำให้เราได้เห็นมิติใหม่ของร้านทอง ด้วยบุคลิกของการเป็น First Mover ของออโรร่า ยังกล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ และหากไม่สำเร็จออโรร่าก็พร้อมที่จะ Move on ทันที
“ออโรร่ายังคงยึดมั่นจุดยืนของแบรนด์ที่ครองใจลูกค้าตลอดมาภายใต้คอนเซ็ปต์แบรนด์ที่ว่า “ของขวัญแห่งความสุขที่มีคุณค่า” ที่การันตีด้วยการรับรองคุณภาพสินค้าและร้านทองมาตรฐานโลกอย่าง World Branding Award จากประเทศอังกฤษ หรือแม้แต่สถาบันระดับประเทศในรางวัล Top Company Award” อนิพัทย์ กล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบันออโรร่ามีฐานสมาชิกเกือบ 1 ล้านคน เรายังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างลูกค้าใหม่ด้วยจุดแข็งทั้ง 3 ขาอย่างที่กล่าวในข้างต้น ขณะเดียวกันเราคาดว่าจะเปิดแบรนด์ใหม่หรือธุรกิจใหม่ให้ลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยใกล้ชิดกับเรามากขึ้น และนอกจากเครื่องประดับทองแล้วออโรร่ายังแข็งแกร่งในเรื่อง ‘เพชร’ ซึ่งลูกค้าหลายคนอาจสงสัยหรือไม่เข้าใจว่าร้านขายทองสามารถขายเพชรได้ด้วยหรือ ไปซื้อร้านขายเพชรเลยดีกว่าไหม ซึ่งจริง ๆ แล้วเราเป็นพาร์ตเนอร์กับแบรนด์เพชรระดับโลก และกล้าการันตีสินค้าและบริการว่าของเราดีไม่แพ้ใคร และที่สำคัญคือรับซื้อคืนในราคาที่สูง
–———–———–———–———–———–———–——
สอบถามข้อมูลข่าวเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์โทร. 02 029 9417, 081 732 7889

“เฉลิมชัย”สั่ง”เกษตรฯ.”เร่งช่วยประชาชนฝ่าวิกฤตโควิด-19

บอร์ดเกษตรกรรมยั่งยืนรับลูกเห็นชอบโครงการธนาคารสีเขียว(Green Bank)มอบ”อลงกรณ์”นำทีมขับเคลื่อนทันทีตั้งเป้าขยายผลใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อทั่วประเทศ

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2/2564 ล่าสุดวันนี้(18 ก.ค)ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการธนาคารสีเขียว(Green Bank)เพื่อส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจโดยมีเป้าหมาย6ประการได้แก่ การเพิ่มสินเชื่อช่องทางใหม่โดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ,การเพิ่มทรัพย์สิน รายได้ อาชีพและธุรกิจใหม่ๆให้กับประชาชน ,การลดปัญหาหนี้นอกระบบ , การเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งในเมืองและนอกเมืองเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ชุมชนและเมือง แก้ปัญหาPm2.5 , การแก้ปัญหาโลกร้อน(Global Warming)และเพิ่มคาร์บอนเครดิตของประเทศและการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ(SDG)และยุทธศาสตร์ชาติรวมทั้งแผนปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม การเกษตรและเศรษฐกิจ โดยแต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.เป็นประธานและมอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนขยายผลต่อยอดโครงการนี้โดยผนึกความร่วมมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารกรุงไทย กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (BEDO) องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ภาคการวิจัย เช่นสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สวก. ภาควิชาการเช่นสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(AIC) ภาคเอกชนเช่นหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร สภาเอสเอ็มอี ภาคเกษตรกรเช่นสภาเกษตรกรแห่งชาติ สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย สมาคมเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร เกษตรกร ภาคท้องถิ่นเช่นอบจ. เทศบาล อบต. กทม. เมืองพัทยา รวมทั้งภาคีเครือข่ายมูลนิธิ องค์กรเอกชนตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานผลการดำเนินการที่ผ่านมาของโครงกาสินเชื่อไม้ยืนต้นจากข้อมูลของกองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์รายงาน ณ วันที่ 5 ก.ค. 2564)ว่าตั้งแต่ปี2562ถึงปัจจับัน มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 87สัญญา จำนวน 119,498ต้น วงเงิน134,375,912.00บาทโดยแบ่งเป็น กลุ่มให้สินเชื่อรายย่อย(พิโกไฟแนนซ์ ปล่อยสินเชื่อวงเงิน5หมื่นถึง1แสนาบท) 80 สัญญา คิดเป็น 92%ของสัญญารวมวงเงินค้ำประกัน4ล้านบาท กลุ่มสถาบันการเงิน(ธนาคารกรุงไทยและธกส.)7สัญญา คิดเป็น 8 %ของสัญญา รวมวงเงินค้ำประกัน 130ล้านบาท
“ระบบการให้สินเชื่อโดยใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ผ่านมายังดำเนินการได้ไม่มากนัก ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืนจึงมอบนโยบายให้ต่อยอดขยายผล(Scale up)โครงการด้วยการเร่งส่งเสริมเกษตรกรและประชาชนปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจบนที่ดินตนเองซึ่งเป็นการเพิ่มทรัพย์สินสร้างหลักประกันให้กับครอบครัวและความมั่นคงในอนาคตรวมทั้งสามารถใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อโดยเกษตรกร ประชาชนและผู้ประกอบการจะได้รับวงเงินสินเชื่อรายย่อย50,000-100,000 บาทต่อรายและวงเงินสินเชื่อรายใหญ่จากสถาบันการเงินเช่นธนาคารเป็นต้น”นายอลงกรณ์กล่าว
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง (Sustainable Urban Agriculture Development Project : SUAD Project)โดยมีการแต่งตั้งโครงสร้างและระบบในการทำงานดังนี้
1) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง ระดับเขต แบ่งตามพื้นที่รับผิดชอบตามการแบ่งเขตตรวจราชการของกระทรวงฯ โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประจำเขตตรวจราชการ เป็นประธานอนุกรรมการ
2) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองทั้ง 77 จังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน มีเกษตรและสหกรณ์จังหวัด เป็นเลขานุการ
3) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เป็นประธาน มีผู้อำนวยการสำนักสวนสาธารณะ กรุงเทพมหานคร เป็นเลขานุการ
4) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่เมืองพัทยา โดยมอบหมายให้เมืองพัทยาพิจารณาสรรหาบุคคลที่เหมาะร่วมเป็นอนุกรรมการ
5) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วัด (Green Temple)
มีนายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นประธาน
6) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่วิทยาลัย (Green College) โดยมีนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย เป็นประธาน
7) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่โรงเรียน (Green School) มีนายภูมิสรรค์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นประธาน
8) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่มหาวิทยาลัย (Green Campus) มี รศ.ดร.อาณัฐชัย รัตตกุล เป็นประธาน
9) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองในพื้นที่การเคหะแห่งชาติ มีผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เป็นประธาน
10) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในเมืองระดับชุมชนและท้องถิ่น (Green Community) มีนายกษิดิ์เดชธนทัต เสกขุนทด เป็นประธานคณะทำงาน
11) คณะทำงานขับเคลื่อนโครงการการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนในพื้นที่อาคารชุด (Green Condo) โดยมีนางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดเป็นประธาน

รวมทั้งรับทราบความคืบหน้าในการจัดตั้งสถาบันเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)และมีมติให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอปลัดกระทรวงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการต่อไป
สำหรับการจัดตั้งและขับเคลื่อนสภาเกษตรอินทรีย์ พี จี เอส แห่งประเทศไทยจะมีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแนวทางและแผนการดำเนินงานผ่านระบบออนไลน์ ในวันที่ 18 สิงหาคม
ที่ประชุมยังรับทราบผลการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล โดยผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการโครงการไปแล้วร้อยละ 46 ของโครงการ โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 30,000 คน และดำเนินการจ้างผู้ปฏิบัติงานจากเกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ว่างงานจากผลกระทบของ COVID-19 แล้วจำนวน 9,157 ราย

ในการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ครั้งที่ 2/2564 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบหมายให้ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมพร้อมด้วยนายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายสถาพร ใจอารีย์ รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน นายวิชัย ไตรสุรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงฯ นายปริญญา พรศิริชัยวัฒนา ประธานชมรมเกษตรอินทรีย์แห่งประเทศไทย นายธีระ วงษ์เจริญ ประธานเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ นายศรีสะเกษ สมาน ตัวแทนสภาเกษตรกรแห่งประเทศ นายกันตพงษ์ แก้วกมล ประธานเครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ (Young Smart Farmer Thailand) และกรรมการภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมผ่านระบบประชุมทางไกลออนไลน์ (zoom) .

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ชื่นชมทีมแพทย์/พยาบาลสนาม จากกองทัพไทย

ปฏิบัติหน้าที่ ณ โรงพยาบาลสนามวัฒนาแฟคตอรี่ ในการช่วยทำคลอดให้กับผู้ป่วยโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัย

วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 พันเอกหญิง ฉัตรรพี พูนศรี ผู้ช่วยโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากกรณีสื่อโทรทัศน์และสื่อสังคมออนไลน์ได้แสดงความชื่นชมและเผยแพร่ภาพการปฏิบัติงานของทีมแพทย์/พยาบาล ของกองทัพไทย ที่ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ณ โรงพยาบาลสนามวัฒนาแฟคตอรี่ จ.สมุทรสาคร และได้ทำการช่วยเหลือผู้ป่วยสัญชาติลาวที่เจ็บท้องคลอดบุตร จนต่อมาสามารถทำคลอดให้กับผู้ป่วยโควิด 19 ได้อย่างปลอดภัยทั้งแม่และลูกนั้น

พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมแสดงความชื่นชมเจ้าหน้าที่ผู้เสียสละทุกนายในครั้งนี้ ซึ่งทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ คือนักรบด่านหน้า ที่กำลังต่อสู้และเสียสละดูแลคนไทยทุกคน ในช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขอความร่วมมือชาวไทยทุกคนโปรดร่วมมือร่วมใจกันในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด 19 อย่างเคร่งครัด มีวินัยในการดูแลตนเอง ไม่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศไทย และเพื่อให้บุคลาการทางการแพทย์ที่ลุยทำงานอย่างหนักเพื่อเราชาวไทย ได้เหนื่อยน้อยลง

กองทัพเรือ ร่วมกับสภากาชาดไทย จัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ต แบบ New normal

กองทัพเรือ ร่วมกับสภากาชาดไทยกำหนดจัดการแสดงกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 ประจำปี พุทธศักราช 2564 แบบ New normal ในวันอังคารที่ 3 สิงหาคม 2564 เวลา 14.00 น.

  ผ่านการถ่ายทอดสดทาง เฟซบุ๊คแฟนเพจ กองทัพเรือ Royal Thai Navy        เฟซบุ๊กแฟนเพจ The Red Cross Sociaty และ YoutubeLive กาชาดคอนเสิร์ต Royal Thai Navy  เพื่อหารายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง   โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย  อันเป็นการสนองในพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง  องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย  ที่จะให้การช่วยเหลือรักษาพยาบาลเพื่อนมนุษย์ผู้เจ็บป่วยทั้งมวล ให้ได้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข  อีกทั้ง  เป็นการเผยแพร่ดนตรีแนวคลาสสิคให้เป็นที่แพร่หลายในหมู่ประชาชนชาวไทย ซึ่งกองทัพเรือได้ดำเนินการตามพระราชปณิธานตั้งแต่ปี 2504 เป็นต้นมาโดยใช้ชื่อการแสดงว่า "กาชาดคอนเสิร์ต"และ

ได้จัดแสดงเป็นประจำทุกปี จะมีเว้นบ้างตามสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย โดยวงดุริยางค์ราชนาวี ซึ่งถือได้ว่าเป็นวงซิมโฟนีออร์เคสตร้าแนวคลาสสิคชั้นนำวงหนึ่งของประเทศไทย ที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้มีโอกาสบรรเลงในงานพระราชพิธี รัฐพิธี ตลอดจนงานสำคัญต่างๆอยู่เป็นประจำ

  สำหรับการแสดงกาชาดคอนเสิร์ตในปีนี้ได้รับเกียรติจากนักร้องรับเชิญ  ประกอบด้วยเรือตรี สันติ  ลุนเผ่   ทรงสินธ์ ศิริคุณารัศม์        พิจิกา  จิตตะปุตตะ  (ลูกหว้า พิจิกา)  กิตตินันท์ ชินสำราญ  (กิต The Voice)  นนทิยา  จิวบางป่า  วงชื่นเอยชื่นใจ  ร่วมด้วย พลเรือตรี  วีระพันธ์วอกลาง  ผู้อำนวยเพลงและนักร้องวงดุริยางค์ราชนาวีโดยมีกำหนดการแสดง  ดังนี้


  การแสดงภาคแรก (18 นาที)   เป็นการบรรเลงบทเพลงคลาสสิก  จำนวน 1 บทเพลงโดยวง ซิมโฟนี ออเคส  ตร้า  ดุริยางค์ราชนาวีประกอบด้วย

 โหมโรง "ดารณี" พระเจนดุริยางค์  อำนวยเพลงโดย  พลเรือตรี  วีระพันธ์  วอกลาง  
 การแสดงภาคหลัง (52 นาที )  เป็นการขับร้องโดยนักร้องรับเชิญและนักร้องจากวงดุริยางค์ราชนาวีประกอบด้วย
 - พระราชปณิธานสืบสาน  รักษา ต่อยอดขับร้องโดยวงชื่นเอยชื่นใจ

บทร้องกรองโดย นาวาเอก ธรรมนูญ วิเศษสิงห์
– ดุจบิดามารดร ขับร้องโดย เรือตรี สันติ ่ลุนเผ่ และนักร้องประสานเสียงกองดุริยางค์ทหารเรือ พระนิพนธ์ของกรมสมเด็จกนิษฐาธิราชเจ้า พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

  • ขาวแดงแห่งศรัทธาขับร้องโดย นาย ทรงสินธ์ ศิริคุณารัตน์ และนางสาว พิจิกา จิตตะปุตตะ (ลูกหว้า พิจิกา)
    -เมื่อประดู่บาน ขับร้องโดย จ่าเอก ธีระวัฒน์แก้วศิริ และ จ่าเอก หญิง โสธิดา ไชยฤทธิชัย
  • ลองใจ ขับร้องโดย วงชื่นเอยชื่นใจ
  • ชัยชนะ ขับร้องโดยนายกิตตินันท์ ชินสำราญ (กิตThe voice
    )
    -Live & Learn ขับร้องโดย นางสาว นนทิยา จิวบางป่า
    • Bridge over troubled water ขับร้องโดย นางสาว พิจิกา จิตตะปุตตะ (ลูกหว้า พิจิกา)
      -ไร้จันทร์ ขับร้องโดยนายกิตตินันท์ ชินสำราญ (กิต The Voice)
      (บรรเลงเปียโนเดี่ยวโดย นาวาเอก พฤทธิธรสุมิตร)
  • One ขับร้องโดยพันจ่าเอกหญิง สราญรัตน์ ชูอำนาจ + การแสดง
  • What l did for love ขับร้องโดย นายทรงสินธ์ ศิริคุณารัศม์
    • Hero ขับร้องโดย นางสาว นนทิยา จิวบางป่า
      -สามัคคีชุมนุม ขับร้องหมู่ สำหรับผู้บริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทยในครั้งนี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์จากสภากาชาดไทย โดยผู้บริจาคสามารถนำใบเสร็จรับเงินจากสภากาชาดไทย ไปลดหย่อนภาษีได้ และผู้บริจาคเงินตั้งแต่ 4 หมื่นบาท ขึ้นไป สามารถขอสิทธิการเป็นผู้มีอุปการะคุณ ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามสัดส่วนของเงินบริจาค เมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณศรีราชา และได้รับสิทธิลดหย่อนเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขตามที่ระเบียบกระทรวงฯกำหนด นอกจากนั้นยังจะได้รับเข็มผู้มีอุปการะคุณ สภากาชาดไทยซึ่งสามารถประดับได้ทั่วไปและสามารถประดับเข้างานกาชาด โดยไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้บริจาค 3 แสนบาท ขึ้นไปและ 6 แสนบาท ขึ้นไป นอกจากจะได้สิทธิตามข้างบนแล้วยังสามารถขอรับพระราชทานเหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 2 และ ชั้นที่ 1 ได้ตามลำดับ และในปีนี้กองทัพเรือได้จัดทำของที่ระลึกมอบให้แก่ผู้ร่วมบริจาคเงินโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย ตั้งแต่ 2 แสน บาท ขึ้นไป มีรายละเอียดดังนี้
  • บริจาค 2 แสนบาท ขึ้นไปรับเข็มที่ระลึกรูปดอกประดู่ประดับอัญมณี มูลค่า 7,500 บาท
  • บริจาค 1 ล้านบาท ขึ้นไป รับเหรียญที่ระลึกพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4 พฤษภาคม 2562 (เหรียญทองคำ 99.9 %หนัก 20 กรัม) มูลค่า 6 หมื่นบาท นอกจากนั้น ยังจะได้รับหนังสือขอบคุณ และภาพถ่ายขณะเข้ารับของที่ระลึกพร้อมกรอบเป็นที่ระลึก ร่วมบริจาคโดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทยได้ที่กรมกิจการพลเรือนทหารเรือ หมายเลขโทรศัพท์ 02 475 3081 หรือ ธนาคารทหารไทยธนชาต หมายเลขบัญชี 1 1 5 -2 -5 0 3 8 6- 6 ชื่อบัญชีกาชาดคอนเสิร์ต ครั้งที่ 47 และธนาคารกรุงไทย หมายเลขบัญชี 660-4 -177 92-0 ชื่อบัญชี”กาชาดคอนเสิร์ตครั้งที่ 47″ กองทัพเรือ ร่วมกับสภากาชาดไทย ช่วยคนไทยรับมือ COVID – 19…

วิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(บมจ)ณุศาศิริ ร่างจดหมายเปิดผนึก ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว

ร่วมผลักดันสร้างจุดท่องเที่ยวปลอดภัย ใช้ My ozone Green box เป็นโมเดลต้นแบบนำร่องท่องเที่ยวไทยไร้โควิด

เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้ามาสร้างวิกฤติให้กับคนทั้งโลก จนหลายคนกล่าวกันว่าเป็นเสมือนสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่คร่าชีวิตคนนับล้านคนทั่วโลก ความรุนแรงที่ทวีขึ้นทุกขณะ สร้างความหวาดหวั่นให้กับทุกๆคน แต่เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อไป และสุดท้ายนั้น เราก็ต้องอยู่กับโควิดให้ได้ ภาคส่วนเอกชนอย่าง” ณุศาศิริฯ “ บริษัทอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของไทย และยังเป็นหนึ่งในเสาหลักผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย จึงเกิดประกายแนวคิด พยายามแสวงหาแนวทางสร้างการท่องเที่ยววิถีใหม่ นำร่อง ผลักดัน และเป็นต้นแบบให้ท่องเที่ยววิถีใหม่ของไทยในยุคโควิด
คุณวิษณุ เทพเจริญ ประธานกรรมการบริหารบริษัทณุศาศิริ(มหาชน) ได้ร่างจดหมายเปิดผนึก ถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว เพื่อเสนอแนวทางในการพลิกฟื้นภาคการท่องเที่ยวอีกครั้ง และขอนำ Movenpick My Ozone khaoyai เป็นโมเดลต้นแบบ เพื่อผลักดันเป็น Green box เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากโควิด โดยส่วนหนึ่งในจดหมายกล่าวว่า

เรียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวผ่านท่านผู้ว่าการท่องเที่ยวและประธานสภาท่องเที่ยว

ผมนายวิษณุเทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(บมจ)ณุศาศิริในฐานะผู้ประกอบการภาคเอกชนขอชื่นชมอย่างยิ่งที่ท่านนายกตัดสินใจเปิดโครงการ “Phuket Sandbox” ซึ่งถือว่าเป็นการต่อลมหายใจ และความหวังของภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการที่เฝ้ารอคอยความหวังมาเป็นระยะเวลาเกือบสองปี
ผมเข้าใจดีถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เราจำเป็นต้องมีมาตรการด้านสาธารณสุขขั้นสูงสุดเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน แต่อย่างไรก็ตามชีวิตเราจำเป็นต้องเดินต่อไป วงจรเศรษฐกิจของประเทศต้องขยับเดินหน้าเพื่อให้ประชาชนสามารถมีรายได้เพียงพอที่จะดูแลตนเองและครอบครัวได้
ดังที่ทราบแล้วนั้นว่ารัฐบาลของประเทศสิงคโปร์ประกาศนโยบายชัดเจนว่า เราต้องอยู่กับโควิดให้ได้ การแสวงหาแนวทางสร้างการท่องเที่ยววิถีใหม่ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาในแต่ละจุดนานขึ้น สร้างประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงกับสภาพชุมชน วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งจะว่าไปแล้วประเทศไทยนั้นมีความแตกต่างหลากหลายและความโดดเด่นของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สถานที่ท่องเที่ยว การพักผ่อน การบริการ Wellness &Spa ฯลฯ ซึ่งโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกไม่แพ้ชาติใด
แล้วในวันนี้นับว่าเป็นข่าวดีที่รัฐบาลโดยท่านรองนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูลได้ออกประกาศ อนุญาตให้ใช้แอดติเจนได้ทำให้ผมมองเห็นโอกาสของการดำเนินธุรกิจไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวของผมเองแต่ยังหมายถึงการเปิดโอกาสให้การต่ออายุของธุรกิจทุกด้านกลับคืนมาได้
อย่างไรก็ตามผมอยากเห็นโครงการเช่นเดียวกับ Phuket Sandbox เกิดขึ้นในภาคอื่นๆของประเทศไทยบ้าง อย่างน้อยจะทำให้โรงแรมที่อยู่ในต่างจังหวัดที่แบกภาระทั้งต้นทุน พนักงาน การบำรุงรักษาฯลฯ มาเป็นระยะเวลาเกือบสองปีแล้วได้มีโอกาสที่จะเปิดบริการและจัดกิจกรรมต่างๆให้กับผู้เข้าพักโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้าพักเป็นหลักตามมาตรฐาน SHA และเพื่อเป็นการยืนยันว่า 120 วันที่ท่านนายกกล่าวไว้นั้นเราสามารถทำได้จริง
ผมขอเริ่มจากโครงการ “มายโอโซนกรีนบล็อก” โดยสร้างมาตรฐานหลักเกณฑ์ของผู้เข้าพักเสมือนการรับแขกจากต่างประเทศเช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ต( และที่จะมีการขยายไปจังหวัดใกล้เคียงอื่น ๆ อาทิ กระบี่ พังงา หรือเกาะสมุย) โดยมีข้อกำหนดของบุคคลที่เข้าพักหรือเข้ามาใช้บริการของโครงการต้องได้รับวัคซีนหรือผ่านการสว๊อตเทสมาแล้วแต่ถ้ายังไม่มีทั้งสองรายการเบื้องต้นทางโครงการมีเจ้าหน้าที่บริการตรวจสว๊อตก่อนเข้าพักในโครงการทุกรายและหากมีผลเป็นลบจึงจะอนุญาตให้เขาพักได้ และพนักงานที่ให้บริการมากกว่า 70% ได้รับวัคซีนแล้วทั้งสิ้นแต่ก็ยังไม่ได้นิ่งนอนใจทางโครงการจัดให้มีการตรวจสว๊อตทุก 7 วันเพื่อความสบายใจของผู้เข้าพักทุกท่าน ตามหลักการการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่สร้างความไว้วางใจ (Trust Tourism)
เป็นที่ทราบกันดีว่าทันทีที่ท่านนายกประกาศ 120 วันกลุ่มผู้จัดงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องรวมถึงธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการในจังหวัดต่าง ๆ ต่างได้วางแผนงานล่วงหน้าการจัดงานเพื่อสร้างรายได้กลับเข้ามาในชุมชนกันไว้อย่างมากมาย
นอกจากนี้ที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมายังเป็นหมุดหมายในการจัดประกวด Miss Universe Thailand 2021 จะมีการเก็บตัวสาวงาม 30คนและทีมงานรวมแล้วนับร้อย ในช่วงเดือนกันยายนนี้ซึ่งจะเป็นการเผยแพร่ความงดงาม อุดมสมบูรณ์ทางสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งเป็นมรดกโลกให้ชาวโลกได้รับรู้และเกิดความภาคภูมิใจร่วมกัน นอกเหนือไปจากการสร้างเงินรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่นที่เชื่อมโยงทั้งด้านเกษตรกรรม อาหาร การบริการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ ฯลฯ
ผมมีความเชื่อมั่นว่าหากทางภาครัฐเห็นชอบ ธุรกิจการท่องเที่ยวเริ่มกลับมามีรายได้อีกครั้งพยุงให้เกิดการจ้างงานให้ประชาชนมีรายได้ ไม่เป็นภาระต่อส่วนกลาง และยังเป็นการลดความตึงเครียดให้แก่ผู้ใช้บริการชาวไทยอีกทางหนึ่ง ที่จะรู้สึกได้ถึงความปลอดภัย ในการใช้บริการ และร่วมกิจกรรมต่างๆได้อย่างสบายใจ เพราะทุกคนที่เข้ามาในโครงการได้มีการคัดกรองเป็นอย่างดีแล้ว
ด้วยเหตุนี้ผมจึงใคร่ขอให้ท่านพิจารณาโครงการ “มายโอโซน เขาใหญ่ กรีนบ็อกซ์” ซึ่งทางบริษัทฯผมจะได้ทำงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดนครราชสีมา สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารอำเภอปากช่องและภาคีเครือข่ายภาคประชาชนองค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติและการท่องเที่ยว เพื่อเป้าหมายในการสร้าง Model ให้กับการจัดงานขนาดใหญ่และการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยในชุมชนอย่างยั่งยืนอันเป็นเป้าหมายหลักของการพัฒนาประเทศด้วยความพอเพียงและทำให้เรารอดพ้นจากวิกฤติของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเราจำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตต่อไปให้ได้
และโครงการ My ozone Green box นี้ มั่นใจว่าพร้อมนำร่องให้การท่องเที่ยวไทย พลิกกลับฟื้นสู่วิกฤติได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน โดยในวันที่ 15 – 31 กรกฏาคม 2564 จะเปิดบริการด้านอาหารแบบ room service เท่านั้น และเปิดส่วน buffet หรือ A LA CARTE ที่ห้องอาหาร จะเริ่ม 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
อุมา จงสิริวิทยา (น้อง) 081-8995395
พฤนท์ฐินันท์ สงวนความดี (หงส์) 084-9554595

วช. เสริม ม.บูรพา เลี้ยงหอยแครงระบบปิดด้วยแพลงก์ตอนพืช เกษตรกรปลื้ม หอยแครงโตเต็มที่y

การเลี้ยงหอยแครงในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลของไทย ประสบปัญหาด้านคุณภาพน้ำเสียที่ถูกปล่อยลงสู่ทะเลมาอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรได้ปรับมาใช้วิธีการเลี้ยงหอยแครงในบ่อดิน แต่ยังคงต้องใช้เวลาเลี้ยงหอยแครงนาน และการเจริญเติบโตยังไม่เต็มที่

คณะนักวิจัย นำโดย ดร.ไพฑูรย์ มกกงไผ่ แห่งสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ศึกษาวิจัยและดำเนินการถ่ายทอด โครงการพัฒนาบ่อดินให้เป็นบ่อเลี้ยงหอยแครงในระบบปิดแบบพัฒนาด้วยการผลิตแพลงก์ตอนพืช (สาหร่ายเซลล์เดียว) ร่วมกับเกษตรกรกลุ่มเพาะเลี้ยงหอยแครง ตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม โดยการสนับสนุนทุนวิจัย จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อช่วยเกษตรกร ลดผลกระทบจากปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรม คุณภาพน้ำไม่เหมาะสม หรือน้ำเสียได้สำเร็จ

ดร.ไพฑูรย์ มกกงไผ่ เปิดเผยว่า การเลี้ยงหอยแครงโดยวิธีนี้ สามารถทำตามได้ไม่ยาก ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีซับซ้อน แต่ตอบโจทย์และสร้างประโยชน์ได้มาก แก่เกษตรกร ชุมชนและเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการนำความรู้จากงานวิจัยลงสู่ฐานรากการเกษตรอย่างแท้จริง โดยได้เตรียมขยายผลองค์ความรู้ต่อไปยังเครือข่ายผู้เลี้ยงหอยแครงในจังหวัดตราด และกลุ่มเครือข่ายอื่นที่สนใจ

โดยนำหอยแครง มาเลี้ยงในบ่อดินให้เป็นระบบปิด ทำการกักน้ำทะเล ที่ระดับความลึกไม่น้อยกว่า 80 เซนติเมตร /บ่อขนาด 6 ไร่ เพื่อป้องกันอุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้น สร้างการหมุนเวียนของกระแสน้ำและเพิ่มระบบการเติมออกซิเจนด้วยกังหันลมพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมกับเสริมการเพาะเลี้ยงแพลงก์ตอนพืช (สาหร่ายเซลล์เดียว) ให้มีปริมาณมากกว่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เพื่อใช้เป็นแหล่งอาหารให้กับหอยแครง โดยเน้นใช้ในช่วงการปิดบ่อเพื่อเลี่ยงน้ำเสียหรือในฤดูฝนที่น้ำมีความเค็มต่ำกว่า 21 ส่วนในพันส่วน ในกรณีการเร่งการเจริญเติบโตของหอยแครง จะปล่อยแพลงก์ตอนในอัตรา 45,000 ลิตร/บ่อขนาด 6 ไร่/ครั้ง ในทุก 3 วัน หรือหากต้องการให้มีการเจริญเติบโตตามปกติ จะปล่อยแพลงก์ตอน ทุก 9 วัน โดยมีการสลับช่วงให้หอยแครงได้รับอาหารตามธรรมชาติอีกด้วย

“เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยแครงด้วยบ่อดินระบบปิด แบบใช้แพลงก์ตอนพืชเป็นอาหาร ต่างได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการเลี้ยงแบบเดิม โดยหอยแครงมีการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ รสชาติอร่อย ขนาดตัวใหญ่ตามความต้องการของตลาด จึงขายได้ในราคาที่ดี ช่วยส่งเสริมให้อาชีพการเลี้ยงหอยแครงมีความมั่นคง และสร้างแหล่งอาหารที่มีคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค” ดร.ไพฑูรย์ มกกงไผ่ กล่าว

ด้าน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช.ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ องค์ความรู้จากผลงานวิจัยและนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่และชุมชน โดยความร่วมมือของภาคส่วนวิจัยที่มีความพร้อมในการสนับสนุนองค์ความรู้ไปพัฒนากระบวนการผลิต การพัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน ปราชญ์ชุมชน ปราชญ์เพื่อความมั่นคงและประชาชน ให้เป็นชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน สร้างฐานรากของการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

สมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิง ฯ ยื่นหนังสือขอรับการสนับสนุนวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข

วันนี้ (15 ก.ค. 64) นายชุมสาย ศรียาภัย อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย พร้อมคณะกรรมการสมาคม ฯ เป็นตัวแทนนายกสมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายสาธิต ปิตุเตชะ) ขอรับการสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 เพื่อฉีดให้กับสมาชิกและคณะกรรมการสมาคมฯ จำนวน 100 โดส โดยมีนายวีระศักดิ์ ย้อยนวล ตัวแทนจากสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับมอบ

สำหรับประวัติของสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ.2507 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อควบคุมจริยธรรมผู้สื่อข่าวบันเทิงให้ปฏิบัติงานโดยชอบธรรมสนับสนุนนักสดงและสมาชิกสื่อมวลชนในวงการบันเทิงให้ได้รับการเชิดชูเกียรติ ส่งเสริมด้านสวัสดิการแก่มวลสมาชิก กิจกรรมประจำปีของสมาคมฯ คือ การจัดงานมอบรางวัลพระราชทาน พระสุรัสวดี (รางวัลตุ๊กตาทอง) เพื่อเป็นเกียรติแก่ดารา นักแสดงภาพยนต์ และคนในแวดวงบันเทิง (จอเงิน) มอบรางวัลเมขลา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่สื่อมวลชน ผู้ประกาศข่าว ดารานักแสดงทางทีวี (จอแก้ว) และมอบรางวัลดาวเมขลาเพื่อเป็นเกียรติแก่องค์กรภาครัฐและเอกชนที่ทำคุณประโยชน์ให้กับสังคม

แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ปรับเวลาปิดให้บริการรถไฟฟ้า เป็นเวลา 21.00 น. ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ปรับเวลาปิดให้บริการรถไฟฟ้า เป็นเวลา 21.00 น. ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 สอดคล้องตามมติของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (ศบค.)

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่าตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติจำกัดการให้บริการของระบบขนส่งสาธารณะ โดยหยุดให้บริการตั้งแต่เวลา 21.00 น. – 04.00 น. ของวันถัดไป ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไปนั้น

บริษัทจึงดำเนินการให้สอดคล้องตามมาตรการดังกล่าวข้างต้น โดยเปลี่ยนแปลงเวลาให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เป็นเวลา 05.30 – 21.00 น. ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป โดยรถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายจะออกจากสถานีต้นทางคือ สถานีพญาไท และสถานีสุวรรณภูมิ เวลา 20.30 น. และจะถึงสถานีปลายทางเวลา 21.00 น.

โดยบริษัทยังคงคุมเข้มและเน้นย้ำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีมาตรการต่างๆ ทั้งตั้งจุดคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารก่อนเข้าใช้บริการในทุกสถานี ,เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดบริเวณจุดสัมผัสภายในสถานี และในขบวนรถ , เพิ่มความถี่ในการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อภายในขบวนรถไฟฟ้าก่อนให้บริการ รวมถึงขอความร่วมมือผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T อย่างเคร่งครัด ได้แก่ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลภายในขบวนรถและสถานี ( D : Distancing ) , สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการรถไฟฟ้า (M : Mask Wearing ) , ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทั้งก่อนและหลังเข้าใช้บริการ ( H : Hand Washing ) , ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าใช้บริการ ( T : Testing ) และสแกน QR Code ไทยชนะบริเวณสถานีทุกครั้ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการสอบสวนโรค ( T : Thai Cha Na )

ส่วนงานบริการลูกค้าสัมพันธ์ Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link