ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการ เหล่าทัพ

วันนี้ (23 มิถุนายน 2564) พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งที่ 4 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม ณกองบัญชาการกองทัพอากาศ

      
 โดยก่อนการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ  ได้มีการประชุมคณะผู้บัญชาการทหาร  โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้

การฝึก Cobra Gold 2021
เมื่อเกิดสถานการณ์ Covid-19 ทำให้ไม่สามารถดำเนินการฝึกเต็มรูปแบบได้ จึงได้หารือร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯโดยปรับรูปแบบการฝึกและลดจำนวนกำลังพลเข้ารับการฝึก ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรค Covid-19 อย่างเคร่งครัด โดยมีกำหนดการฝึกดังนี้

  • กลุ่มการฝึกการควบคุมบังคับบัญชา จัดฝึกระหว่างวันที่ 2-13 สิงหาคม 2564 ได้แก่การฝึกฝ่ายเสนาธิการ (STAFFEX) ณ อาคารม้าแดง กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ (กบร.กร.) และการฝึกสงครามเครือข่าย (Cyber-X) ณอาคาร Joint Movement Control Center กบร.กร.
  • กลุ่มการฝึกการช่วยเหลือประชาชน จัดฝึกระหว่างวันที่ 12 กรกฎาคม-12 สิงหาคม 2564 ได้แก่ การฝึกการแก้ปัญหาบนโต๊ะ ในหัวข้อการช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR-TTX) ณโรงแรม สิรินพลา จ.ระยอง และโครงการก่อสร้าง 1 โครงการ ณ โรงเรียนบ้านใหม่ไทยพัฒนา จ. สระแก้ว
  • กลุ่มการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล จัดฝึกระหว่าง วันที่ 2-13 สิงหาคม 2564 ณ พื้นที่จ. กระบี่ จ. เชียงใหม่ จ. ลพบุรี และ จ. ระยองรวมถึงการฝึกกวาดล้างทุ่นระเบิดและการทำลาย ณ จ. สุรินทร์ แนวทางการบริหารจัดการชายแดนภายใต้สถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ซึ่งมีสาเหตุประการหนึ่งมาจากการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทำให้มีความเสี่ยงต่อการนำเชื้อจากภายนอกประเทศมาแพร่ระบาดภายในประเทศโดยเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม 2564 พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้มอบนโยบายและแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน ในการประชุมศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด (ศส.ชท) โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนใช้กลไก ศส.ชท. คณะกรรมการต่างๆที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองทุกระดับให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังพื้นที่ชายแดนร่วมกับทหารตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด/ผู้อำนวยการกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผบ.ทสส./ผอ.นชท)ได้จัดการประชุมชี้แจงและมอบแนวทางในการปฏิบัติของส่วนราชการตามกลไกของกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน(กอ.นชท.)เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ให้จังหวัดชายแดนเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายและการดำเนินการมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ในพื้นที่ชายแดน โดยให้บูรณาการการดำเนินงานของทุกหน่วยงานผ่านกลไก ศส.ทช.พร้อมทั้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย /รอง ผอ.นชต (2) ควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติของ ศส.ทช.โดยให้สามารถเรียกประชุมและสั่งการหน่วยงานด้านความมั่นคงทหารตำรวจและฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ได้ตามความเหมาะสม โดยมีศูนย์ปฏิบัติการเหล่าทัพ, กองทัพภาคที่ 1-4, ทัพเรือภาคที่ 1-3 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในฐานะศูนย์ควบคุมชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศค.ชท.) สนับสนุนการปฏิบัติของ ศส.ทช.โดยให้กำลังทหารในพื้นที่กองทัพภาค กองเรือภาคและกองกำลังป้องกันชายแดนต่างๆสนับสนุนการปฏิบัติของ ศส.ทช.จังหวัด ทั้งในพื้นที่ชายแดนทางบกและทางทะเล โดยในระดับส่วนกลาง กอ.นชท.จะช่วยกำกับดูแลและขับเคลื่อนงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น เช่น การบูรณาการด้านการข่าวติดตามการสืบสวน/สอบสวน/ดำเนินคดีการนำแรงงานต่างด้าวเข้าสู่ระบบ เป็นต้น โดยจะจัดการประชุมเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์รวมทั้งจัดคณะไปตรวจเยี่ยมในพื้นที่จังหวัดชายแดนเพื่อติดตามสถานะการณ์ รับทราบปัญหา เพื่อนำมาขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในส่วนกลาง

แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เข้ารับวัคซีนเข็มที่ 2 ครบ 100%

รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ส่งเจ้าหน้าที่และบุคลากรทุกส่วนงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เข็มที่ 2 ครบ 100% สร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยในการใช้บริการให้แก่ผู้โดยสาร

นายสุเทพ พันธุ์เพ็ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เปิดเผยว่าหลังจากบริษัทได้ส่งเจ้าหน้าที่ และบุคลากรทุกส่วนงานเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เพื่อสร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยให้แก่ผู้โดยสาร ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ณ สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ และบุคลากรของบริษัทได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้วในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ และบุคลากรของบริษัทได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เข็มที่ 2 ครบ 100% แล้วในช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และสร้างความปลอดภัยในการใช้บริการให้แก่ผู้โดยสารได้

ส่วนงานบริการลูกค้าสัมพันธ์ Call Center 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ www.srtet.co.th , www.facebook.com/AirportRailLink และ Twitter : Airport Rail Link

”เห็นชอบ”พิมพ์เขียววิสัยทัศน์ฮาลาล”(Thailand Halal Blueprint)

กระทรวงเกษตรฯ เร่งฟื้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤติโควิด “เฉลิมชัย”เห็นชอบ”พิมพ์เขียววิสัยทัศน์ฮาลาล”(Thailand Halal Blueprint)พร้อมเสนอครม. ดันไทยฮับฮาลาลโลก หวังเจาะตลาดฮาลาล48ล้านล้านบาท“อลงกรณ์”เดินหน้าระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล(Halal Economic Corridor)เผย3โครงการอุตสาหกรรมเกษตรอาหารภาคใต้

คืบหน้าพร้อมขยายไปทุกภาคทั่วประเทศเล็งเป้าหมายกลุ่มประเทศมุสลิม2พันล้านคน
 
    นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริม สินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” (ฮาลาลบอร์ด-Halal Board) แถลงวันนี้ (23มิ.ย.) ที่กระทรวงเกษตรฯ ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงนามเห็นชอบ“วิสัยทัศน์ นโยบายและแผนพัฒนาสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาล”แล้วโดยสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไปโดยเร็ว นับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมีวิสัยทัศน์ นโยบาย แผนและโครงการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบครบวงจร เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรอาหารฮาลาลของไทยสู่เป้าหมายฮับฮาลาลโลก โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย้ำว่า “ในยุคโควิด เราต้องแสวงหาตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อสร้างโอกาสในวิกฤติและตลาดฮาลาลคืออนาคต” ซึ่งในปี 2563 ที่ผ่านมา ตลาดอาหารและเครื่องดื่มฮาลาลทั่วโลก มีมูลค่าสูงถึง 1,533,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (48 ล้านล้านบาท) โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% คิดเป็นมูลค่าเพิ่มปีละ 560 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (16.8 ล้านล้านบาท) และประเมินว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,285,190 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (68 ล้านล้านบาท) ภายใน5ปีข้างหน้า ทั้งนี้ยังไม่รวมตลาดที่ไม่ใช่มุสลิม (non-muslim market)
 
“ด้วยศักยภาพของประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารอันดับ 2 ของเอเชียและอันดับ 11
ของโลกในปี 2562 และภายใต้ “5ยุทธศาสตร์ปฏิรูปภาคเกษตรฯ” ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บนความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย
ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย สถาบันฮาลาล มอ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้า ศูนย์ AIC (Agritech and Innovation Center) และทุกภาคีภาคส่วนจะเป็นฐานการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างมีพลังและพลวัตร เมื่อเป้าหมายชัด นโยบายชัด ความร่วมมือแข็งแกร่ง” 
 
ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานคณะอนุกรรมการจัดทำวิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน“ฮาลาล” กล่าวว่า วิสัยทัศน์และนโยบายการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐานฮาลาล มีเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศผู้นำในการผลิต การแปรรูป การส่งออกและการพัฒนาสินค้าเกษตร และอาหารฮาลาลที่ได้รับความเชื่อมั่นในระดับสากล และเข้าสู่ตลาดโลกด้วยมาตรฐานฮาลาลไทย โดยใช้หลักศาสนา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ภายในปี 2570 ผ่านการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่กำหนดทั้งหมด
5 แนวทาง ได้แก่ (1) การเพิ่มศักยภาพหน่วยงานรับรองมาตรฐานฮาลาล (2) การสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าเกษตรและอาหาร ด้วยมาตรฐานฮาลาลไทย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (3) การเสริมสร้างองค์ความรู้ในการผลิต และการบริหารจัดการตั้งแต่ระดับฟาร์มจนถึงผู้บริโภค (4) การเพิ่มศักยภาพทางตลาด และโลจิสติกส์ (5) การยกระดับความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งใน และต่างประเทศ ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ดังกล่าวเปรียบเสมือนพิมพ์เขียวฮาลาลไทย (Thailand Halal Blueprint) ฉบับแรกที่มีความสมบูรณ์ประกอบด้วยเป้าหมาย วิสัยทัศน์ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) โครงการและงบประมาณเป็นแผนแม่บทสำหรับ
การพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลของไทยให้มีศักยภาพในการแข่งขันระดับโลก

นายอลงกรณ์ ยังเปิดเผยด้วยว่า ในการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสินค้าและผลิตผลการเกษตรมาตรฐาน
“ฮาลาล” ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตและการลงทุนเกี่ยวกับสินค้าและผลิตผล การเกษตรมาตรฐาน “ฮาลาล” และคณะอนุกรรมการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการค้าและผลิตผลการเกษตร มาตรฐาน “ฮาลาล” ในพื้นที่ชายแดนใต้ ได้รายงานความก้าวหน้าของโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรฮาลาล 3 โครงการ และตั้งเป้าหมายจะขยายอีก 5 โครงการในยะลา ปัตตานี และนราธิวาสโดยความร่วมมือกับ ศอบต. อย่างใกล้ชิด เพื่อให้
3 จังหวัดภาคใต้ เป็นฮับของอุตสาหกรรมฮาลาลภายใต้แนวทางระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล(Halal Economic Corridor)
 
“ที่ประชุมยังให้ขยายการส่งเสริมสนับสนุนการลงทุนอุตสาหกรรมเกษตรอาหารฮาลาลในภาคเหนือ ภาคอีสาน
ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนที่เป็นเมืองท่าหน้าด่านเช่น อุดรธานี เชียงราย ตาก กาญจนบุรี เป็นต้น โดยประสานกับโครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และศูนย์ AIC เพื่อขยายฐานการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำ ปลายน้ำไปทุกภาคทั่วประเทศ
ฟื้นเศรษฐกิจฝ่าวิกฤติโควิด สร้างงานสร้างอาชีพสร้างผลิตภัณฑ์สร้างตลาดใหม่ๆให้มากที่สุดเร็วที่สุด รวมทั้งเห็นควรขยายความร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (สคช.) ในการพัฒนามาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพฮาลาล ตลอดจนการขยายผลการเรียนการสอนหลักสูตรการบริหารจัดการฮาลาล และโครงการโรงเชือดแพะต้นแบบมาตรฐานฮาลาลของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.-หาดใหญ่) สำหรับผู้ประกอบการและเกษตรกร
 
นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานผลการแก้ไขปัญหาเนื้อวัวปลอม ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และได้มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค นับเป็นมาตรการป้องกันและปราบปรามประสบผลสำเร็จแต่ก็ต้องเฝ้าระวังต่อไป .
…………………………………………..

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ย้ำว่า “ในยุคโควิด เราต้องแสวงหาตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อสร้างโอกาสในวิกฤติและตลาดฮาลาลคืออนาคต”

” ชัยชนะ”โปรเจคดนตรี เปลี่ยนวิกฤติ เป็นกำลังใจ เพื่อให้คนไทยยิ้มได้

โปรเจคดนตรี Pop Orchestra ในรูปแบบ Arrangement Music “

นำโดยโดย 5 ศิลปินระดับแนวหน้า
ติ๊ก ชิโร่ • นันทนา บุญ-หลง
บี พีระพัฒน์ • นิป นวนันท์
เกรซ นรินทร

ชมมิวสิควีดีโอพร้อมกัน 1 กรกฎาคม นี้

“เฉลิมชัย”สั่งจัดการเฉียบขาดทลายขบวนการนำเข้าทุเรียนเวียดนามสวมสิทธิ์ทุเรียนไทยส่งออกจีน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้(21มิ.ย.)ว่า ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรประสานการทำงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จังหวัดจันทบุรี กรมศุลกากร กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์และกรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งขยายผลการสืบสวนสอบสวนเพื่อจัดการอย่างเฉียบขาดกับขบวนการนำเข้าทุเรียนเวียดนามมาสวมสิทธิ์ทุเรียนจันทบุรีเพื่อส่งออกไปจีนโดยสำแดงเท็จทั้งการนำเข้าและส่งออก ทั้งนี้เพื่อป้องกันความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยในตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดหลักของทุเรียนไทย

นายอลงกรณ์เปิดเผยด้วยว่า หลักจากทราบถึงการจับกุมทุเรียนสวมสิทธิ์ บ่ายวันนี้ตนได้ประชุมทางไกลกับหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ.และสหกรณ์ผลไม้ใน14จังหวัดภาคใต้ขอให้เพิ่มความระมัดระวังการนำทุเรียนต่างประเทศมาสวมสิทธิ์ทุเรียนไทยเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูผลไม้ภาคใต้ นอกจากนี้ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้(ฟรุ้ทบอร์ด-Fruit Board)จะได้นัดประชุมหารือเป็นการด่วนกับหน่วยงานตรวจสอบและปราบปรามปัญหาทุเรียนสวมสิทธิ์ภายในสัปดาห์นี้เพื่อกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการป้องกันปัญหาดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ชุดเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพ จ.จันทบุรี นำโดย พล.ต.ต.จรัล จิตเจือจุน รอง ผบช.ภ.3 รรท.ผบก.ภ.จว.จันทบุรี พร้อมด้วย นายวุฒิกร สุขีนัย นอภ.เมือง และ นายชลธี นุ่มหนู ผอ.สวพ.6 (ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6) นำกำลังบุกเข้าจับกุมผู้ประกอบการล้งรับซื้อผลไม้ “ลุงตู้-อ๊อด” ภายใน ซ.สระบาปบน พื้นที่หมู่ 10 ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ .จันทบุรี หลังสืบทราบว่ามีพฤติกรรม นำทุเรียนจากประเทศเวียดนาม มาสวมสิทธิเป็นทุเรียนไทยโดยใช้เอกสารรับรองGAPและGMPปลอมเพื่อส่งออกไปจีน
ซึ่งจากการตรวจสอบ ทางผู้ประกอบการได้ สำแดงเอกสาร อ้างว่าได้นำเข้าทุเรียนเวียดนามมาแปรรูป จำนวน 18 ตัน
เพราะราคาทุเรียนเวียดนามกิโลกรัมละ 70 บาท แต่เมื่อนำมาสวมสิทธิเป็นทุเรียนไทยส่งออก จะขายได้ถึงกิโลกรัมละ 160 บาท

ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ในปี 2563 ไทยมีการส่งออกทุเรียนสดมูลค่า  65,631 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 44%  โดยมีจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 (มูลค่า 47,798 ล้านบาท สัดส่วน 73% ของการส่งออก)

บางจาก รีเทล โตสวนกระแสอีกครั้ง เร่งเครื่องเปิดร้านกาแฟอินทนิลครบ 1,000 สาขา

ในปี 2565 พร้อมแตกไลน์ธุรกิจเครื่องดื่ม ซื้อสิทธิ์ร้านชานมไข่มุก DAKASI (ดาคาซี่) เสริมทัพ ตั้งเป้าเปิดในสถานีบริการน้ำมันบางจาก 150 สาขาภายใน 3 ปี

นายเสรี อนุพันธนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด เปิดเผยว่า “การกลับมาเติบโตของตลาดชานมไข่มุกในช่วงหลายปีหลัง ทำให้ บางจาก รีเทล ต้องหันกลับมามองตลาดนี้และทบทวนว่า อินทนิล จะก้าวสู่ตลาดชานมไข่มุกหรือไม่ และเดินหน้าอย่างไร ถึงวันนี้ “15 ปี อินทนิล” เรามีเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ลูกค้า ทั้งกาแฟคุณภาพจากอาราบิก้าแท้และโกโก้ยอดนิยมของมหาชน ส่วนชานมไข่มุกก็ยังเป็นสิ่งที่อินทนิลมองหามาโดยตลอด จนลงตัวที่ DAKASI ซึ่งเป็นตัวจริงของชานมไข่มุก ผู้พัฒนาตลาดและสินค้า แบรนด์แรกๆ ในประเทศไทย วันนี้ บางจาก รีเทล จึงไม่ได้มองแค่การขยายสินค้ากลุ่มชานมไข่มุกในร้านอินทนิล แต่เรามองไปถึงศักยภาพและโอกาสในการขยายธุรกิจ โดยมี DAKASI เป็นอีกกำลังสำคัญของ Non Oil Business โดยเฉพาะในสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งเรามี Network รองรับอยู่แล้วทั่วประเทศ เชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้ตลาดชานมไข่มุกกลับมาตื่นตัวอีกครั้งในช่วงโควิดนี้ โดยเฉพาะ ชานมไข่มุกพรีเมี่ยม ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ในสถานีบริการน้ำมัน นับจากนี้ไป”

ผบ.ทร.เร่ง ศรชล.หามาตรการด่วน กรณีพบซากฉลามหูดำวางขายเกลื่อนตลาด

ปลาภูเก็ต

วันนี้ (19 มิถุนายน 2564) เวลา 15.00 น. พลเรือตรี ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการเผยแพร่ภาพข่าว ผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง กรณีมีการนำซากฉลามหูดำ เป็นจำนวนมาก

   มาวางขายในตลาดปลาแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต  ทำให้มีการแสดงความเป็นห่วงจากกลุ่มผู้อนุรักษ์เป็นจำนวนมาก เกี่ยวกับเรื่องนี้ พลเรือเอก ชาติชาย  ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วง และได้สั่งการให้ พลเรือเอก ธีรกุล  กาญจนะ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใน ศรชล. บูรณาการเพื่อที่จะดำเนินการตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ต่อไป

อ.ส.ค.เฟ้นสุดยอดโรงเรียนนักเตะเยาวชน “ไทย-เดนมาร์ค ยู15 ฟุตบอล ทัวร์นาเมนต์ 2021”

ชิงเงินรางวัล
รวมมูลค่ากว่า 500,000 บาท
ไทย-เดนมาร์คเดินหน้าจัดศึกลูกหนัง “ไทย-เดนมาร์ค ยู15 ฟุตบอล ทัวร์นาเมนต์ 2021” เป็นปีที่ 3 เปิดรับสมัคร 192 ทีม ทั่วประเทศไทย

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในงานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันฟุตบอล รายการ “THAI-DENMARK U15 FOOTBALL TOURNAMENT 2021” (ไทย-เดนมาร์ค ยู15 ฟุตบอล ทัวร์นาเมนต์ 2021) ปีที่ 3 ชิงเงินรางวัล รวมกว่า 500,000 บาท ร่วมด้วย นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย และ นักฟุตบอล จากสโมสรราชบุรี มิตรผล ไทยลีก 1 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ ลาน Outdoor One Arena, Stadium One – The Sport Society กรุงเทพมหานคร
สำหรับการแข่งขันรายการนี้ จัดโดย องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ซึ่งเปิดโอกาสให้เยาวชนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนทั่วประเทศที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี เข้าร่วมแข่งขัน
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การแข่งขันกีฬารายการนี้ เป็นโครงการที่มีขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆ นักฟุตบอลเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี รวมถึงบุตรหลานเกษตรกรโคนมไทย ได้ลงแข่งขัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากการเล่นกีฬาทำให้สุขภาพแข็งแรง เด็กเหล่านี้ ถือเป็นอนาคตและกำลังของชาติ
“โครงการนี้จัดต่อเนื่องมาแล้วเป็นปีที่ 3 แน่นอนว่า วัตถุประสงค์ในการจัดโครงการ เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักเรียนเยาวชนไทยได้มีเวทีในการแข่งขันฟุตบอลที่เป็นระดับสากลมากขึ้น จึงมอบหมายให้องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ได้จัดกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคม ต่อเด็กและเยาวชน ผ่านการเล่นกีฬา ควบคู่ไปกับนโยบาย “นมแห่งชาติ” ซึ่งต้องการรณรงค์ให้กลุ่มคนทุกวัยดื่มนม เริ่มตั้งแต่กลุ่มครอบครัว ไปจนถึงกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทุกเพศ ทุกวัย หันมาดื่มนมไทย-เดนมาร์ค ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย”
“ฟุตบอลเป็นกีฬายอดนิยมของเยาวชนไทย จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็น “สื่อกลาง” โดยนำผลิตภัณฑ์ นมไทย-เดนมาร์ค เข้าถึงกลุ่มครอบครัวและเยาวชนคนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ อีกทั้งอยากให้โครงการนี้เป็นทัวร์นาเม้นท์ของ นมไทย-เดนมาร์ค ที่จะยกระดับเยาวชนในโรงเรียนทุกๆโรงเรียนได้มีโอกาสแข่งขันกัน รวมถึงเปิดโอกาสให้เยาวชนบุตรหลานเกษตรกรโคนมไทย ที่จะได้เฟ้นหาศักยภาพตัวเองในความตั้งใจและอดทน เพื่อไปสู่ความฝัน ที่อยากเป็นนักกีฬาอาชีพ ไปพร้อมๆ การดื่มนมไทย-เดนมาร์ค เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และการรณรงค์สร้างการรับรู้ และสร้างค่านิยมให้คนไทยทุกคน หันมาดื่มนมมากขึ้น ซึ่งจะเห็นว่าโครงการนี้ ทำให้แบรนด์นมไทย-เดนมาร์คซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้รัฐวิสาหกิจ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าไปสู่ตามโรงเรียนทั่วประเทศ พร้อมเป็นการส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดีให้นักเรียนเยาวชน ในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และห่างไกลยาเสพติด สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลอีกทางหนึ่งด้วย”

“จากความสำเร็จของโครงการนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้จากโรงเรียนที่ได้ให้ความสนใจเข้ามาสมัครร่วมโครงการนี้าสมัครร่วมโครงการนี้

โดยในปีแรกที่จัดงานมีทั้งหมด 80 โรงเรียน ในปีที่ 2 ได้รับการสนใจจากโรงเรียนภูมิภาคต่างๆ มากถึง 170 โรงเรียน ซึ่งเป็นช่วงที่เจอกับโรคระบาดโควิด-19 ในระลอกแรกๆ ก็ถือว่ากิจกรรมโครงการนี้ได้รับความสนใจจากโรงเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในปีนี้ความพิเศษของโครงการ นอกจากเงินรางวัลแล้ว จะมีการมอบลูกฟุตบอลจากแบรนด์ชั้นนำในต่างประเทศอย่าง Molten (มอลเทน) ที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรกับโครงการและร่วมกันช่วยส่งเสริมกิจกรรมให้กับเยาวชน โดยจะมอบให้กับโรงเรียนที่ผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย และอีกประการนึง เนื่องด้วยในปี 2565 จะเป็นปีที่ครบรอบ 60 ปี ของแบรนด์นมไทย-เดนมาร์ค ทางกระทรวงฯ ได้ให้นโยบายในการสนับสนุนโครงการเพื่อให้เกิดความยั่งยืน และโรงเรียนสามารถเข้าถึงกิจกรรมได้เพิ่มขึ้น จึงจะมีการขยายพื้นที่ในการแข่งขันรอบคัดเลือกให้ครอบคลุมในแต่ละโซนภูมิภาคให้มากขึ้น ซึ่งในปีหน้า คาดว่าจะมีสิ่งพิเศษเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน”
นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทาง อ.ส.ค. เป็นองค์กรที่มีการทำกิจกรรมต่างๆ มากมายเพื่อสังคม ภายใต้แบรนด์ นมไทย-เดนมาร์ค โดยเฉพาะในส่วนของด้านกีฬา (Sport Marketing) ที่ในปีนี้เราได้มีความร่วมมือและสนับสนุนกับหลายๆ สโมสรชั้นนำในฟุตบอลไทยลีก ที่มีการพัฒนาเยาวชนด้านกีฬาฟุตบอล ซึ่งจะทำให้มีกิจกรรมที่ต่อยอดและขยายออกไปอีกในปีหน้า โดยเยาวชนจะได้สัมผัสกับสนามฟุตบอลของสโมสรที่เป็นพันธมิตรกับองค์กรในหลายๆ สโมสรอีกด้วย สำหรับการแข่งขันโครงการนี้ จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นความร่วมมือในการจัดโครงการกิจกรรมกับสำนักงาน อ.ส.ค. ใน 5 ภูมิภาค และหน่วยงานผู้จัดการแข่งขันระดับมืออาชีพ โดยจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนให้เป็นมาตรฐานในระดับสากลและช่วยขับเคลื่อนวงการฟุตบอลเยาวชนไทย พร้อมส่งเสริมให้เกิดมิตรภาพที่ดีต่อกันระหว่าง อ.ส.ค. ภายใต้แบรนด์นมไทย-เดนมาร์ค กับโรงเรียนและเยาวชนที่เข้าร่วมแข่งขัน นอกจากนี้ อยากให้กีฬาฟุตบอลได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน อีกทั้งในปีนี้จะมีการเปลี่ยน Logo โครงการใหม่ เพื่อให้ดูกลมเกลียวสอดคล้องระหว่างตราสัญลักษณ์นมไทย-เดนมาร์ค กับฟุตบอลมากขึ้นด้วย
“ปีนี้ การแข่งขันจะจัดขึ้น ในรูปแบบนิวนอร์มอล โดยมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นเดียวกับปีที่แล้ว แต่จะมีมาตรการการป้องกันที่เข้มงวดมากยิ่งๆ ขึ้นไป” โดยจะเน้นการแข่งขันแบบปิด ตามมาตรการที่ ศบค. ประกาศไว้ และจะมี การกำหนดวันแข่งขัน กำหนดช่วงเวลา และ สถานที่การแข่งขัน แจ้งไปยังโรงเรียนที่สมัครเข้าร่วมแข่งขัน โดยใน 1 วัน จะจัดการแข่งขันได้ไม่เกิน 4-8 ทีม ในรอบคัดเลือก เพื่อลดปริมาณจำนวนคนที่อยู่ภายในสนาม ตลอดจนมาตรการต่างๆ อาทิ เว้นระยะห่าง ลดการสัมผัส นักกีฬา โค้ช และ เจ้าหน้าที่ ใส่หน้ากากตลอดเวลา ตรวจวัดอุณหภูมิ ฉีดพ้นน้ำยาฆ่าเชื้อแอลกอฮอล์ เป็นต้น
ด้านรางวัลสำหรับการแข่งขันรายการนี้ ในรอบคัดเลือกตัวแทนภูมิภาค มีรางวัลดังนี้ ทีมแชมป์จะได้รับ เงินรางวัล 25,000 บาท, ทีมรองแชมป์ จะได้รับ เงินรางวัล 20,000 บาท, ทีมอันดับ 3 จะได้รับ เงินรางวัล 5,000บาท ทีมอันดับ 4 จะได้รับถ้วยรางวัล โดยทุกทีม จะได้รับผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค และถ้วยรางวัล ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2564
ส่วนรอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ มีรางวัลดังนี้ ทีมแชมป์จะได้รับ เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล และผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ทีมรองแชมป์ จะได้รับ เงินรางวัล 70,000 บาท และผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ทีมอันดับ 3 จะได้รับ เงินรางวัล 40,000 บาท และผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค ทีมอันดับ 4 จะได้รับ เงินรางวัล 20,000 บาท และผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค พร้อมกันนี้ทั้ง 4 โรงเรียน จะได้รับลูกฟุตบอลจากแบรนด์ Molten (มอลเทน) โดยรอบชิงชนะเลิศ จะจัดแข่งขันในช่วงเดือนกันยายน 2564 ณ สนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง

โรงเรียนที่สนใจสามารถสมัครเข้าแข่งขันได้ ตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. – 11 ก.ค. 2564 โดยดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.facebook.com/ThaiDenmark.FootballTournament หรือติดต่อสอบถามแต่ละโซนภูมิภาคได้ดังนี้
โซนที่ 1 กทม.และ ปริมณฑล และตะวันออก ยื่นใบสมัครได้ที่ออฟฟิศประชาสัมพันธ์ บีที ครีเอชั่น
ติดต่อคุณปริณดา โทร. 092-6051315 หรือ 088-9597144
โซนที่ 2 (อ.ส.ค.) อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ติดต่อได้ที่
คุณปริณดา โทร. 092-6051315 หรือ คุณสมยศ กองสุผล โทร. 098-2631214
โซนที่ 3 (อ.ส.ค.) จังหวัดเชียงใหม่ ติดต่อได้ที่
คุณพศวัต ใจลังกา โทร. 061-9366564
คุณมนัส วงศ์เลื่อน โทร. 097-9549935
โซนที่ 4 (อ.ส.ค.) จังหวัดสุโขทัย ติดต่อได้ที่
คุณจำลอง ราศีกิจ โทร. 063-2064638
คุณอนุชิต อินทโสถา โทร. 095-6345778
โซนที่ 5 (อ.ส.ค.) จังหวัดขอนแก่น ติดต่อได้ที่
คุณสุชาติ งวดชัย โทร. 089-9018739
คุณผกาทิพย์ เขียวสุวรรณภูมิ โทร. 085-8830428
คุณเพ็ญนภา สดคมขำ โทร. 085-4634043
โซนที่ 6 (อ.ส.ค.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดต่อได้ที่
คุณคำสิงห์ ยอดเกตุ โทร. 098-1461535
คุณเทพสตรี รื่นเกษม โทร. 084-3233570
คุณอาภรณ์ เฉลาชาญชัยยุทธ โทร. 062-4613113

หลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ปะการัง

ศรชล.ภาค 2 จัดพิธีส่งเรือและกำลังพลไปปฏิบัติภารกิจแก้ปัญหาปะการังที่เกาะโลซิน

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล)ได้ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการแก้ไขปัญหาอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการังบริเวณเกาะโลซิน ที่ตั้งอยู่ฝั่งอ่าวไทยบริเวณจังหวัดปัตตานี ซึ่งหลายฝ่ายมีความเป็นห่วงว่าจะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ปะการัง ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่

             โดยโฆษก ศรชล.แจ้งว่าเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 เวลา 17.00 น.  พลเรือโท    สำเริง   จันทร์โส ผอ. ศรชล.ภาค 2/ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2   (ผบ.ทรภ.2) ได้เป็นประธานในพิธีส่งกำลังทางเรือออกเดินทางไปแก้ไขปัญหากรณีอวนขนาดใหญ่ปกคลุมปะการังบริเวณเกาะ    โลซิน  ร่วมกับ นายอภิชัย  เอกวนากุล และนางสาว  พรศรี  สุทธรักษ์  รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ใน บก.ทรภ.2 นายทหารฝ่ายอำนวยการใน ศรชล. ภาค 2 ร่วมพิธี ณ ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา โดยกำลังทางเรือที่ไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ประกอบด้วย เรือหลวงราวี  เรือ ต. 991 พร้อมชุดปฏิบัติงานใต้น้ำจำนวน 15 นายร่วมกับกำลังจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้แก่ เรือ Liveaboard จำนวน 1 ลำ  เรือบรรทุกเครื่องมือประมงอวน  จำนวน 1 ลำ  นักดำน้ำอาสาสมัครจำนวน 30 คน และเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  จำนวน 2 ลำ ที่จะเดินทางไปสมทบพื้นที่ปฏิบัติการในวันที่ 19 มิถุนายน  โดย ผอ. ศรชล.ภาค 2 ได้ให้โอวาทแก่กำลังพลขอให้ระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองปฏิบัติตามกฎของการปฏิบัติการใต้น้ำอย่างเคร่งครัด และระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายกับปะการัง  โดยขอให้การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้สำเร็จโดยราบรื่นไปด้วยดี

 สำหรับแผนการดำน้ำเพื่อกู้อวนโดยสังเขป จะเริ่มปฏิบัติการบริเวณเกาะโลซินในวันที่ 19 มิถุนายน นี้ เวลา 06.00 น. ทีมนักดำน้ำบนเรือหลวงราวี  จะเริ่มปฏิบัติการโดยใช้การดำ แบบ Nitrox (Specialty)  ซึ่งสามารถยืดระยะเวลาการอยู่ใต้น้ำให้นานขึ้นมากกว่าการดำน้ำด้วยถังอากาศแบบปกติ  ใช้การตัดอวนออกเป็นผืนย่อย ขนาด 3x3 เมตร เพื่อให้ลอยขึ้นแล้วใช้ถุงหรือหรือบอลลูนขนาดเล็กดึงขึ้น ซึ่งวิธีการแบบนี้จะสามารถทำให้อวนที่ตัดแล้วลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน

งานสวดพระอภิธรรมศพ มานะ แพร่พันธุ์

สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้เเทน
ราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานงานสวดพระอภิธรรมศพ มานะ แพร่พันธุ์ อดีตบ.ก.หนังสือพิมพ์บ้านเมือง โดยมี ปรพล อดิเรกสาร ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์รองประธานสภาผู้เเทนราษฎร คนที่หนึ่ง มาร่วมงานด้วย ณ ศาลา 3 วัดเสมียรนารี